SCB ราคาส่อหลุด 100 บาท หึ่ง!ลงทุนเหรียญ ทิ้งกันกุลฯ เกลี้ยง

HoonSmart.com>>ในช่วงนี้หุ้นของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เคลื่อนไหวช้ากว่า ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารกรุงเทพ(BBL) แม้มีข่าวดีเรื่องจะได้รับประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น  เป็นเพราะมีกระแสข่าวในตลาดว่า SCB มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาเหรียญต่างๆ ร่วงลงแรง อาทิ ราคาบิทคอยน์ เคยลงไปบริเวณ 18,000 ดอลลาร์ ก่อนฟื้นขึ้นมาเคลื่อนไหวแถว 21,000 ดอลลาร์  ทำให้ราคาหุ้น SCB ขึ้นมาปิดที่ 105 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ+1.94% มูลค่าซื้อขาย 1,299.95 ล้านบาท วันที่ 21 มิ.ย.2565 

นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า บล.ไทยพาณิชย์ล้มเลิกการเจรจาซื้อหุ้น บริษัท บิทคับ ออนไลน์ สัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ด้วยมูลค่า 17,850 ล้านบาท แล้ว เนื่องจากติดหลักเกณฑ์ของทางการ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับการยืนยันจากบริษัท เอสซีบี เอกซ์ ทั้งเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและการล้มดีลซื้อหุ้นบิทคับฯ แต่สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนและตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากราคาบิทคอยน์ยังคงไหลลงต่อ ก็มีโอกาสที่จะกระทบราคา SCB ให้ปรับตัวลงต่ำกว่า 100 บาท ก็เป็นไปได้สูง ในช่วงนี้จึงยังไม่เข้าไปลงทุนในหุ้น SCB

นอกจากนี้ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ เดิมชื่อธนาคารไทยพาณิชย์ เคยลงทุนในหุ้นของ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เมื่อต้นปี 2559 เข้าซื้อหุ้นจำนวน 41.5 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.13% ในราคาหุ้นละ 24 บาท รวมมูลค่าประมาณ 996 ล้านบาท จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อรับสิทธิเงินปันผล (XD ) ณ วันที่ 26 ส.ค.64 SCB ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 สัดส่วน 2.98% แต่การขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 มี.ค.2565 ไม่มีชื่อ SCB ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GUNKUL  แต่อย่างใด

ส่วนการลงทุนหุ้นของบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ยังมีรายชื่อเป็นถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 12 จำนวน 369.96 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.57%ของทุนเรียกชำระแล้ว ทั้งนี้หุ้น PACE ไม่มีการซื้อขายและอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ

ด้านนักวิเคราะห์ 2 รายให้ราคาเป้าหมาย SCB เฉลี่ย 160.50 บาท โดย บล.ทิสโก้ ให้มูลค่าเหมาะสม 167 บาท และบล.หยวนต้าให้มูลค่า 154 ล้านบาท

บล.หยวนต้ารายงานว่า บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างสู่การเป็น SCB X คาดว่าผลการดำเนินงานจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในครึ่งหลังของปีนี้ เริ่มทยอยรับรู้ผลบวกจากการปรับโครงสร้างที่สามารถเริ่มต้นได้เร็ว ได้แก่ สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่จะโอนให้กับบริษัทย่อยคือ Card X รวมถึงการขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัยและธุรกิจบริหารความมังคั่ง (Wealth) และสินเชื่อดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Asset Yield และค่าธรรมเนียม จึงคงคาดว่าในปี 2565 จะมีกำไรสุทธิ 42,233 ล้านบาท เติบโต 18.6% จากปีที่ผ่านมา