HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มบิทคอยน์เด้งขึ้นทั่วหน้า นำโดย JTS-ZIGA-UPA-AJA-MVP-BROOK ตามทิศทางการฟื้นตัวของสกุลเงินดิจิทัล แต่มองเป็นแค่เก็งกำไรช่วงสั้น หลายคนยังติดหุ้นในราคาสูง-ยังห่างไกลจากการกลับตัวเป็นขาขึ้น แม้แต่พวกขุดเหมืองบิทคอยน์ก็ไม่คุ้มที่จะขุดแล้วหลังราคาเหรียญบิทคอยน์ต่ำกว่า 25,000 เหรียญสหรัฐ และตราบใดที่สหรัฐฯยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย-สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีกระแสเงินสดจะรับผลกระทบมากสุดในด้านมูลค่าที่จะลดลงไป ดังนั้นการฟื้นตัวของสกุลเงินดิจิทัลจึงยังไม่ยั่งยืน
หุ้นในกลุ่มบิทคอยน์ปิดเช้าเด้งขึ้นทั่วหน้า นำโดยหุ้น JTS ซิลลิ่ง 29.81% มาอยู่ที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 31.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 467.15 ล้านบาท
หุ้น ZIGA พุ่ง 19.63% มาอยู่ที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,025.87 ล้านบาท
หุ้น UPA พุ่ง 18.52% มาอยู่ที่ 0.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 126.06 ล้านบาท
หุ้น AJA พุ่ง 14.29% มาอยูที่ 0.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 18.22 ล้านบาท
หุ้น MVP พุ่ง 7.45% มาอยู่ที่ 4.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท มูลค่าซื้อขาย 35.69 ล้านบาท
หุ้น BROOK พุ่ง 7.27% มาอยู่ที่ 0.59 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.62 ล้านบาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มบิทคอยน์ รวมถึงพวกขุดเหมืองบิทคอยน์ ต่างปรับตัวขึ้นได้ดีในวันนี้ เป็นการฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของสกุลเงินดิจิทัลหลายตัวที่ฟื้นแรง แต่ในหุ้นกลุ่มบิทคอยน์แม้จะปรับตัวขึ้นไปมากก็มองว่ายังไม่สดใส เป็นแค่การเล่นเก็งกำไรช่วงสั้น เพราะหลายคนยังติดหุ้นในราคาสูง
“หุ้นในกลุ่มบิทคอยน์ที่ขึ้นมามองเป็นแค่การเก็งกำไรช่วงสั้นตามราคาเหรียญบิทคอยน์ที่ฟื้นตัวขึ้น แต่มองว่าหุ้นในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลจะไม่น่าสนใจไปพักใหญ่ มีคนติดหุ้นตลอดทาง การดีดตัวเกิดขึ้นได้ แต่ยังห่างไกลจากการกลับตัวเป็นขาขึ้น ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ อีกทั้งตอนนี้ไม่คุ้มที่จะขุดหาเหรียญกันแล้วหลังจากที่่ราคาเหรียญบิทคอยน์ร่วงมาต่ำกว่า 25,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งขุดไปก็ไม่คุ้ม อยากได้ซื้อเลยดีกว่า”
ทั้งนี้ เวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะกระทบสินทรัพย์ทุกประเภท พวกที่มีกระแสเงินสดมากจะรับผลกระทบน้อย อย่างหุ้น แนวโน้มกำไรยังดี แต่พวกสินทรัพย์ดิจิทัลเรียกได้ว่าไม่มีกระแสเงินสด จะรับผลกระทบมากสุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้มูลค่าเหรียญจะลดลง ดังนั้นการฟื้นตัวของสกุลเงินดิจิทัลจึงไม่ยั่งยืน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปรับตัวลงไปมากและแรงในช่วงก่อนหน้านี้ จึงเกิดการรีบาวด์บ้าง