‘กัลกุล’ทุ่ม 151 ลบ.ช้อนหุ้น GUNKUL ชูเกียรติเก็บ SABUY ชูวิทย์ซื้อ NER

HoonSmart.com>> สัปดาห์ก่อน หุ้นตื่นเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% โดยเฉพาะ 16 มิ.ย. ดัชนีดิ่งลงแรง -2.04% เจ้าของบจ.กระโดดเข้าซื้อหุ้นพยุงราคา “กัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์”ทุ่มเงิน 151.47 ล้านบาทเก็บ  GUNKUL  2 วัน รวม 27.7 ล้านหุ้น “ชูเกียรติ”ซื้อหุ้นสบายฯ 12 ล้านบาท “ชูวิทย์ ” ซื้อ นอร์ทอีสฯ 3.08 ล้านบาท ส่วนหุ้นไฮเทคแข็งแกร่ง “ฉัตรพี ตันติเฉลิม” ถือโอกาสขายเบริล 8 พลัส  3 หมื่นหุ้น รับเงิน 1.51 ล้านบาท  

นาย กัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริษัทบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) รายงานก.ล.ต.ว่าได้เข้าซื้อหุ้น GUNKUL จำนวน 2 ล็อต วันที่ 15 มิ.ย. จำนวน 12.7 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5.49 บาท เป็นเงิน 69.72 ล้านบาท วันที่ 16 มิ.ย.ซื้ออีก 15 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 5.45 บาท เป็นเงิน 81.75 ล้านบาท ใช้เงินทั้งหมด 151.47 ล้านบาทในการซื้อหุ้นจำนวน 27.7 ล้านหุ้น   ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย. ราคายังคงไหลลงต่อ 0.10 บาท ปิดที่  5.25  บาท

นาย ชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) แจ้งซื้อหุ้น 2 ล็อตๆละ 3 แสนหุ้น วันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 20.90 บาทเป็นเงิน 6.27 ล้านบาท วันที่ 17 มิ.ย. เก็บในราคา 20.70 บาท เป็นเงิน 6.21 ล้านบาท ใช้เงินทั้งสิ้น 12.48 ล้านบาท ล่าสุดราคาปิดที่ 20.50 บาท

นาย ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) วันที่ 16 มิ.ย.2565 ซื้อหุ้นจำนวน 5 แสนหุ้น ราคาหุ้นละ 6.15 บาท เป็นเงิน 3.08 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเทคโนโลยีแกร่ง ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด นาย ฉัตรพี ตันติเฉลิม ได้ขายหุ้นเบริล 8 พลัส (BE8) วันที่ 16 มิ.ย. จำนวน 3 ล็อต ๆแรก 5,000 หุ้นราคา 50บาท 15,000 หุ้นราคา 50.50 บาท และ 10,000 หุ้นราคา 50.25 บาทรวม 3 หมื่นหุ้น รับเงินทั้งสิ้น 1.51 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี โดยบริษัท กัลฟ์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ซื้อหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)จำนวน 2,051,500 หุ้นราคาหุ้นละ 46.80 บาท เป็นเงิน 96 ล้านบาท นาย อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ซื้อหุ้นบริษัท เจ มาร์ท (JMART) จำนวน 587,200 หุ้น ราคาหุ้นละ 55.51 บาท เป็นเงินประมาณ 32 ล้านบาท

ตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลง วันศุกร์ที่ 17 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา ดัชนีร่วงลงไปต่ำสุดที่ 1,544.26 จุด และปิดที่ระดับ 1,559.39 จุด ลดลง 1.71 จุด หรือ -0.11% มูลค่าซื้อขาย 101,339.12 ล้านบาท  แรงขายมาจากสถาบันไทย  1,937.28 ล้านบาท ต่างชาติผสมโรงด้วย 1,611.43 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อ 2,537.59 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นไทยแกว่งคล้ายคลึงตลาดในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบแบบทรงตัว ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นได้หลังจากที่ปรับตัวลงไปลึก

ตลาดได้รับแรงกดดดันจากหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นที่ปรับตัวลงนำตลาด หลังจากที่ภาครัฐฯขอเงินอุดหนุนจากส่วนแบ่งกำไรของโรงกลั่นหลังราคาพลังงานสูง

ขณะที่หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นมาช่วยประคองตลาด ตอบรับการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย ในช่วงไตรมาส 4/65 และหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง ตอบรับผลประชุมศบค.ที่มีการปรับพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ การให้ถอดแมสก์ได้ในที่โล่ง และการยกเลิกใช้เครื่องวัดอุณหภูมิในอาคาร

ส่วนแนวโน้มในสัปดาห์หน้า ตลาดฯคงจะมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยมีแนวรับ 1,550 จุด แนวต้าน 1,570-1,580 จุด พร้อมให้ติดตามตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของไทยในช่วงปลาย , ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ และรอดูความชัดเจนว่าโรงกลั่นจะช่วยเหลือเงินอุดหนุนให้ภาครัฐเท่าไร