“คิงส์ฟอร์ด” แนะเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น-PTT รอความชัดเจนรัฐค่าการกลั่น

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองหุ้นกลุ่มโรงกลั่น Sentiment เชิงลบ หลังรัฐขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันนำส่งค่าการกลั่นส่วนเกินจากอัตราปกติเข้ากองทุนน้ำมันเชื่อเพลิง หนุนราคาน้ำมันในประเทศ 3 เดือน แนะเลี่ยงลงทุนหุ้นกลุ่มโรงกลั่น รวมถึง PTT รอรายละเอียดชัดเจน ด้านแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ หากยืน 1,560 จุดไม่อยู่ โอกาสเกิดแรงขายลดพอร์ต

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงาน กรณีรัฐขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันนำส่งค่าการกลั่นส่วนเกินจากอัตราปกติเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อนำมาอุดหนุนราคาน้ำมันภายในประเทศเป็นเวลา 3 เดือน คาดว่าจะได้เงินประมาณ 6-7 พันล้านบาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.65) โดยอุดหนุนน้ำมันดีเซล 5-6 พันล้านบาท/เดือน น้ำมันเบนซิน 1 พันล้านบาท/เดือน วันนี้คาดว่าข่าวดังกล่าวจะสร้าง Sentiment เชิงลบ ต่อหุ้นโรงกลั่นทั้ง 6 โรง ที่ต้องมีภาระในการร่วมกันส่งเงินราว 1.8-2.1 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการออกมากจากผู้ประกอบการ ซึ่งคาดว่ากลุ่มที่มีภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นอย่างกลุ่ม ปตท. (PTTGC, TOP, IRPC) และ BCP อาจเลือกแบ่งกันรับผิดชอบ และกลุ่มโรงกลั่นต่างชาติ ESSO , SPRC อาจเลือกไม่ปฏิบัติตามก็ได้

ทั้งนี้ ประเมินหากแบ่งกันจ่ายตามสัดส่วนการผลิตน่าจะกระทบต่อค่าการกลั่นของแต่ละบริษัทลดลงประมาณ 1-2 ดอลลาร์/บาร์เรล

นอกจากนี้จะขอความร่วมมือจากโรงแยกก๊าซฯ ซึ่งจะมีกำไรจากส่วนเกินส่วนหนึ่งมา 50% เข้ากองทุนน้ำมัน ประมาณ 1.5 พันล้านบาท/เดือน ซึ่งเมื่อรวมผลกระทบจากโรงกลั่นที่เป็น บริษัทลูกของ PTT คาดว่าจะกระทบต่อกำไรของ PTT ไม่เกิน 10% โดยสรุป แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มโรงกลั่นและ PTT ออกไปก่อน รวมถึงรอรายละเอียดที่ชัดเจน และหากราคาน้ำมันทรงตัวสูงไปจนถึงสิ้นปี ตลาดอาจจะกังวลถึงการต่ออายุมาตรการออกไปอีก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนี SET หากไม่สามารถยืนบริเวณแนวรับ 1,560 มีโอกาสเกิดแรงขายลดพอร์ต โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,520 – 1,540 แนะนำ Wait & See และรอซื้อหุ้นกลุ่มหลักบริเวณแนวรับดังกล่าว

หุ้นแนะนำ ได้แก่ CENTEL (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus ที่ 45.13 บาท) หลังจากที่ภาครัฐเริ่มคลายมาตรการควบคุมโรค โดยกำหนดปรับลดสีพื้นที่ต่าง ๆ ลง และเริ่มคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะโล่งแจ้ง เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การปรับเป็นโรคทั่วไปในต้น ก.ค. ที่จะถึงนี้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการงวด 2Q65 มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ โดยคาด Consensus คาด EPS งวดปี 2565 ฟื้นตัวอยู่ที่ราว 0.05 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 2566 Consensus คาดฟื้นตัวต่อราว 1.08 บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์เงินปันผลปีนี้ราว 0.3 บาทต่อหุ้น