ต่างชาติขายหุ้น1,191ลบ. ตื่นเงินเฟ้อพ.ค.เร่งตัว 7.1%

HoonSmart.com>>หุ้นปิดลบ 1.59 จุด สวนทางเอเชีย ยุโรป ดาวโจนส์ล่วงหน้า ต่างชาติพลิกมาขาย 1,191 ล้านบาท กังวลเงินเฟ้อเดือนพ.ค.พุ่งเกินคาด 7.1% เป็นลบต่อค้าปลีก ดีต่อเกษตร-อาหาร  พาณิชย์ยันทั้งปีวิ่งในกรอบ 4-5% ราคาน้ำมันดีเซลขึ้น 1 บาท ซาอุฯปรับราคาขายลูกค้าเอเชีย 2.10 ดอลลาร์ รมว.คลังลั่นเศรษฐกิจปีนี้โต 3.5% ตลาดจับตาการประชุมกนง. ลุ้น ECB เฟด และเงินเฟ้อสหรัฐ เผย JTS เข้า  FTSE SET Large Cap รอบนี้ 

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 6 มิ.ย.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,646.08 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ +0.10% มูลค่าซื้อขาย 58,372.21 ล้านบาท ดัชนีเด้งกลับหลังจากร่วงลงไปต่ำสุด 1,636.08 จุด ด้านนักลงทุนต่างชาติทิ้ง 1,190.68 ล้านบาท สถาบันไทยขาย 330.19 ล้านบาท และยังคงซื้อตราสารหนี้ 5,788 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยเก็บหุ้น 1,154.96 ล้านบาท ค่าเงินบาท ปิด 34.34 บาท/ดอลลาร์ แกว่งในกรอบแคบ

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นแกว่งทรงตัวหลังจากเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ค.ออกมา ขยายตัว 7.1% สร้างความกังวลให้นักลงทุนและต่างก็รอดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมาบ้าง แต่เชื่อว่ารอบนี้คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)  และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกทั้งยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน โดยตลาดในแถบเอเชียเหนือปรับขึ้นได้มากหลังจากที่ปักกิ่งได้คลายล็อกดาวน์ ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็ฟื้นตัวขึ้นได้ท่ามกลางการรอดูการประชุม ECB ขณะที่มีความคาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนจะมาช่วยหนุนเศรษฐกิจโลก

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 7 มิ.ย.2565 ตลาดคงจะแกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอดูการประชุมกนง. พร้อมให้แนวรับ 1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด

กระทรวงพาณิชย์ รายงานเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ค.ขยายตัว 7.1% คาดว่าไตรมาส 2-4 จะขยายตัวมากกว่า 4.75% โดยรวมทั้งปียังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดิม 4-5%

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า เงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ค.ขยายตัว 7.1% สูงกว่าที่ตลาด และบล.โนมูระฯ คาดไว้ที่ 5.8% และ 6.7%y-y จากราคาพลังงานและมาตรการลดค่าไฟ ก๊าซสิ้นสุดลง ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ +2.28% y-y สูงกว่าคาดที่ 2.2% y-y เล็กน้อย

ทั้งนี้ เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเกินคาด มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นอิงกำลังซื้อในประเทศ อาทิ กลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่มที่จำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือย, วัสดุก่อสร้าง และภาคการผลิตต่างๆ แต่เงินเฟ้อหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกฮอล์) ที่ปรับตัวขึ้น 6.2%y-y มาจากสินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์ (+10.5%y-y) อาหารในบ้าน (+6.8%y-y) อาหารนอกบ้าน (+6.3%y-y) ยังสะท้อนหุ้นบางกลุ่มปรับราคาขายชดเชยต้นทุนเพิ่มขึ้นได้ อาทิ หุ้นในกลุ่มเกษตร อาหาร (CPF,GFPT) หรือกลุ่มร้านอาหาร

” แนะนำให้นักลงทุนติดตามมุมมอง กนง. ต่อภาวะเงินเฟ้อ หากมีมุมมองถึงความจำเป็นอาจต้องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าคาด จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารได้ แต่จะเป็นลบต่อกลุ่มเช่าซื้อ”บล.โนมูระฯ ระบุ

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดมากจะกดดันกนง.ต้องพิจารณาเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย

บล.ทิสโก้ มองการประชุม กนง. 8 มิ.ย. นี้ ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% แต่จะแสดงความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่มีความเสี่ยงด้านสูง และอาจกดดันให้ กนง. ปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้นเป็นช่วงปลายปีนี้

อย่างไรก็ตามแนะนำติดตาม 2 ปัจจัยที่อาจเป็นตัวกระตุ้นเงินเฟ้อให้สูงขึ้นอีกในอนาคต คือ 1.การทยอยขึ้นราคาน้ำมันดีเซลรอบใหม่ 2.โอกาสการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 400-425 บาท

“เราชอบหุ้นกลุ่มเกษตร และอาหาร โดยเฉพาะหุ้นส่งออกอาหาร เพราะได้ประโยชน์จากราคาอาหารที่สูงขึ้นและเงินบาทอ่อนค่า แนะนำ CPF ราคาเป้าหมาย 32 บาท, TFG 5.75 บาท, TU 26 บาท, TWPC 8.25 บาท สำหรับหุ้นที่อยู่นอกการวิเคราะห์ของเราที่คาดจะได้ประโยชน์เช่นกัน เช่น ASIAN, CFRESH” บล.ทิสโก้ ระบุ

นอกจากนี้ ยังชอบหุ้นที่เป็น Defensive Value ที่คาดว่าจะสามารถต่อสู้ภาวะเงินเฟ้อได้ ADVANC, BDMS, DCC, EGCO

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองยังไม่น่ากังวลถึงขั้นทำให้กนง.ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. คาดว่ายังสูงตามราคาสินค้าและฐานที่ต่ำปีก่อน

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำดีเซลลิตรละ 1 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับจากลิตรละ 32.94 บาท เป็นลิตรละ 33.94 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 5 มิ.ย. 2565 ติดลบ 86,028 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 50,147 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 35,881 ล้านบาท

ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกทะลุ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังซาอุดิอาราเบียปรับราคาขายน้ำมันในตลาดเอเชียขึ้นมากกว่าที่คาด โดยบริษัทอารามโกขึ้นราคาน้ำมันดิบชนิดเบา (Arab Light crude grade) ส่งมอบเดือนก.ค.อีก 2.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากเดือนมิ.ย.เป็น 6.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากราคาอ้างอิงเฉลี่ย โอมานและดูไบ ขณะที่ตลาดคาดว่าจะขึ้นเพียง 1.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวอย่างมั่นใจว่าเศรษฐกิจในปี 2565 จะขยายตัวได้ 3.5% โดยมีภาคส่งออกเป็นพระเอก ล่าสุดไตรมาส 1 ขยายตัวสูงถึง 15%
ส่วนกนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ ต้องรักษาไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศจนเกินไป และไม่สร้างต้นทุนให้ผู้ประกอบการ จนส่งผลกระทบต่อการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ

ตลาดหลักทรัพย์และฟุตซี่ รัสเซล ประกาศผลคัดเลือก 28 หลักทรัพย์เข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Index Series รอบใหม่ มีผลวันที่  20 มิ.ย.65 โดยหุ้น JTS เข้า FTSE SET Large Cap Index รายเดียว เบียดหุ้น BTS ออก ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 7 หลักทรัพย์เข้าใหม่ ได้แก่ AAV-BYD-BTS-FORTH-NEX-SABUY-ONEE และดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 21 หลักทรัพย์เข้าใหม่