ธพว. เปิดตัว ‘SME D Coach’ ส่ง “โค้ชมืออาชีพ” หนุนครบในจุดเดียว

HoonSmart.com>>ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดโครงการ “SME D Coach”  ศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจครบวงจร-SME D Care Center จับมือพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน-สถาบันการศึกษา 30 หน่วยงาน ส่งโค้ชมืออาชีพ  ให้คำปรึกษา อำนวยความสะดวกครบวงจรในจุดเดียว ช่วยยกระดับเอสเอ็มอี โตเข้มแข็งยั่งยืน คาดว่าภายในปีนี้ จะมีเอสเอ็มอีเข้ารับบริการประมาณ 20,000 คน 

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มอบหมาย นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะกรรมการธนาคาร กล่าวในการเปิด โครงการ “SME D Coach” ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำเป็นต้องเรียนรู้ มุ่งเพิ่มศักยภาพอยู่เสมอ และปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และมีนโยบายเปิดประเทศ หากเอสเอ็มอีมีความพร้อม จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และต่อยอดสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ดังนั้น ธพว. ที่มีภารกิจหลักในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทย จึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ประมาณ 30 หน่วยงาน ดำเนินโครงการ “SME D Coach” ซึ่งอยู่ภายใต้ “ศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจครบวงจร” หรือ SME D Care Center ให้คำปรึกษาและแนะนำธุรกิจจากทีมโค้ชมืออาชีพที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์จริง ประกอบด้วยบุคลากรของ ธพว. หรือเรียกว่า “D Coach” ควบคู่กับ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานพันธมิตร และอดีตผู้บริหารองค์กรชั้นนำระดับประเทศ หรือเรียกว่า “Master Coach มาทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำธุรกิจอย่างครบวงจร ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมองเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง เกิดการพัฒนา สามารถยกระดับธุรกิจ ปรับตัวก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ได้ทันท่วงที

ด้านนางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวเสริมว่า จุดเด่นของโครงการดังกล่าว คือ การเชื่อมโยงนำศักยภาพเด่นของแต่ละหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา มาบูรณาการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างเป็นระบบ ครบถ้วนในจุดเดียว สามารถให้คำปรึกษาตั้งแต่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ หรือต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเฉพาะด้าน  เพื่อให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย

นอกจากนั้น มีกระบวนการให้บริการที่สะดวกสบาย สามารถแจ้งความประสงค์เข้ารับคำปรึกษาได้เหมาะกับความสะดวกของตัวเอง โดยเลือกได้ทั้งหัวข้อที่ต้องการรับคำปรึกษา เลือกโค้ช เลือกช่วงเวลา เลือกวิธีรับคำปรึกษาผ่าน Onsite ( ณ สำนักงานใหญ่ ธพว.) หรือ Online และเลือกขอรับคำปรึกษาได้ทั้งแบบตัวต่อตัว หรือเป็นกลุ่ม

ทั้งนี้ มี 6 หัวข้อหลักในการให้คำปรึกษา ประกอบการ 1.ด้านการตลาด เช่น E-Commerce Business Matching และเตรียมตัวส่งออก เป็นต้น 2.ด้านมาตรฐาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ 3. ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม 4. ด้านเขียนแผนธุรกิจ บัญชี การเงิน ภาษี 5.ด้านการผลิต และ 6. ด้านสนับสนุนและบ่มเพาะเตรียมพร้อมเข้าสู่แหล่งทุน เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-16.00 น. โดยใช้เวลาให้คำปรึกษา ครั้งละประมาณ 1.5 ชั่วโมง

สำหรับบุคลากรที่มาทำหน้าโค้ชในโครงการ SME D Coach รวมประมาณ 45 ท่าน โดยมี “Master Coach” ชื่อดัง เช่น ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ โค้ชกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ นายวิศรุต กริ่มทุ่งทอง รองนายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการเทคโนโลยีดิจิตอล โค้ชสร้างแบรนด์และเทคโนโลยีดิจิทัล นายราชิต ไชยรัตน์ กรรมการในคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีด้านการทำบัญชี โค้ชด้านบัญชี และนายอภิวัฒน์ หวังมีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บนกองเงินกองทอง โซลูชัน  โค้ชด้านบริหารการเงิน ภาษี เป็นต้น

ผู้สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ได้ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1. ผ่านออนไลน์โปรแกรม Microsoft booking ในช่องทางต่างๆ เช่น สแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ , เว็บไซต์ของธนาคาร ( https://www.smebank.co.th/ ) , LINE Official Account : SME Development Bank เป็นต้น 2. ผ่าน Call Center 1357 และ 3. ณ สำนักงานใหญ่ ธพว. อาคาร SME Bank Tower ติดสถานีรถไฟฟ้า อารีย์ คาดว่าภายในปีนี้ จะมีเอสเอ็มอีเข้ารับบริการประมาณ 20,000 คน

นอกจากนั้น ธนาคารได้จัดโปรโมชั่น สำหรับผู้จองสิทธิรับคำปรึกษาในโครงการ SME D Coach จำนวน 100 ท่านแรก รับ Voucher มูลค่า 100 บาท และ Gift set ถุงผ้าพร้อมเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัย นอกจากนั้น สำหรับผู้ที่ได้รับคำปรึกษาและเตรียมเอกสารยื่นขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 ก.ค. 65 รับฟรี บัตร Starbucks มูลค่า 200 บาท

” โครงการนี้ จะช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ และอำนวยความสะดวกให้ SME เข้าสู่ระบบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารยังคงให้การสนับสนุนสภาพคล่อง ปล่อยสินเชื่อเพื่อเปลี่ยนธุรกิจ และสนับสนุนการฟื้นฟูด้วยดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเปิดรีไฟแนนซ์หนี้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ในปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อประมาณ 6 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 2564 มีสินเชื่อคงค้างประมาณ 1.07 แสนล้านบาท พร้อมตั้งสำรอง และดูแลคุณภาพหนี้ ควบคุม NPLs สร้างการเติบโตมั่นคง คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 700 ล้านบาท จากปี 2564 มีกำไรสุทธิ 529 ล้านบาท เพิ่มอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 มีกำไรสุทธิ ประมาณ 263 ล้านบาท” นางสาวนารถนารีกล่าว