ตลท.เผยต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องเดือนที่ 6 ยอดสะสมปีนี้ 1.39 แสนลบ.

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยต่างชาติย้ายเงินกลับเข้าซื้อหุ้นไทยติดต่อกันเป็นเดือนที่หก หนุน 5 เดือนแรกปี 65 ซื้อสุทธิกว่า 1.39 แสนล้านบาท รับส่งออกฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังเปิดเมือง แรงซื้อหุ้นกลุ่มได้อานิสงส์เปิดเมือง “กลุ่มบริการ, ทรัพยากร,กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร” ขึ้นโดดเด่นเหนือตลาด ดันพี/อีตลาดหุ้นไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาค ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทนยังสูง 2.69%

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ความกังวลจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้นทำให้ธนาคารหลายแห่งทั่วโลกจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการ Lockdown อย่างเข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะในมณฑลเซี่ยงไฮ้ เป็นสองปัจจัยซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ได้จึงเกิดการปรับฐานของหลายสินทรัพย์ทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากหลายแห่งเริ่มให้ความเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อโลกได้เร่งตัวเข้าไปใกล้ระดับสูงสุดแล้วจึงอาจมีแนวโน้มลดลงในอนาคตอันใกล้ อีกทั้งตัวเลข Purchasing Managers Index (PMI) จีนที่กลับมาขยายตัวในเดือน พ.ค. และจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง ทำให้มีแนวโน้มที่ทางการจะคลายมาตรการ Lockdown ในเดือนมิ.ย. จึงมีโอกาสที่เงินลงทุนจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยเห็นสัญญาณจากผู้ลงทุนต่างชาติย้ายเงินทุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาค ASEAN

ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ใน 5 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติย้ายเงินทุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมากเนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนตัว อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังภาครัฐดำเนินนโยบายเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี ณ สิ้นเดือนพ.ค.2565 SET Index ปิดที่ 1,663.41 จุด ปรับลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ยังปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค

SET Index ใน 5 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร

ในเดือนพ.ค.2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 80,095 ล้านบาท ลดลง 26.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ใน 5 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 90,695 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติกลับมามีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 47.49% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ทั้งนี้ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยในเดือนพ.ค.2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 20,937 ล้านบาท ทำให้ใน 5 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 139,058 ล้านบาท

ด้านบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ในเดือนพ.ค.2565 ใน SET 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท โรแยล พลัส (PLUS) บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) และใน mai 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS)

ขณะที่ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพ.ค.2565 อยู่ที่ระดับ 17.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.1 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 18.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.9 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพ.ค.2565 อยู่ที่ระดับ 2.69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.64%

สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ในเดือนพ.ค.2565 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 472,021 สัญญา เพิ่มขึ้น 24.3% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีเดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 556,830 สัญญา เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน