หุ้นปิดเช้าลบ 9.81 จุด หลายปัจจัยใน-นอกปท.กดดัน

HoonSmart.com>>ดัชนีหุ้นปิดภาคเช้าที่ 1,637.86 จุด ลดลง 9.81 จุด รับแรงกดดันเงินเฟ้อไทยสูงกว่าคาด-ราคาน้ำมันพุ่ง-เงินสกุลในเอเชียอ่อนค่า-บอนด์ยีลด์สหรัฐฯดีดตัวขึ้นอีก-กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ส่งเกิดแรงขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันสูง อย่างหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้น SCC เป็นต้น แนวโน้มภาคบ่ายคาดแกว่งในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,635-1,650 จุด

ตลาดหุ้นวันที่ 6 มิ.ย.2565 ดัชนีปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,637.86 จุด ลดลง 9.81 จุด หรือ -0.60% มูลค่าการซื้อขาย 33,584.60 ล้านบาท โดยดัชนีขึ้นไปแตะ 1,652.11 จุด และต่ำสุด 1,636.08 จุด

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ปรับตัวลง รับแรงกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อไทยพุ่ง 7.1% สูงกว่าตลาดคาด และราคาน้ำมันก็ยังพุ่งขึ้นด้วย โดยราคาน้ำมัน Brent ขึ้นมา 120 เหรียญฯ/บาร์เรล แล้ว ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินในเอเชียที่อ่อนค่าลง รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ก็กลับมาดีดตัวขึ้นอีกรอบ ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันสูง อย่างหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า, หุ้น SCC เป็นต้น

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดอาเซียนจะติดลบกัน จากความกังวลดังกล่าวแล้ว ยังกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ยังต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ ส่วนในประเทศก็ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันพุธนี้ด้วย

สำหรับแนวโน้มภาคบ่ายตลาดคงจะแกว่งในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,635-1,650 จุด

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
BANPU ปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +2.38% มูลค่าซื้อขาย 1,577.32 ล้านบาท
KTB ปิดที่ 15.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ +4.00% มูลค่าซื้อขาย 1,248.56 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.66% มูลค่าซื้อขาย 923.72 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 145.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -1.02% มูลค่าซื้อขาย 902.00 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 168.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +1.20% มูลค่าซื้อขาย 882.11 ล้านบาท