ทรีนีตี้มองหุ้นค้าปลีกไม่ได้ผลดีรัฐคืน VAT ผู้มีรายได้น้อยชี้ขายผ่านธงฟ้า

บล.ทรีนีตี้ มองรัฐคืนภาษีมูลค่าเพิ่มผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ ไม่มีผลต่อกลุ่มค้าปลีกรวม เหตุจ่ายคืนผ่าน e-money ซื้อร้านธงฟ้าหรือร่วมโครงการรัฐ ชู TNP อยู่ในรายชื่อร้านธงฟ้าน่าจะได้ประโยชน์ ด้านตลาดหุ้นขึ้นแรงแนะขายทำกำไรบางส่วน

บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ประเมินประเด็นที่ที่ประชุมครม.วานนี้เห็นชอบโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับผู้มีรายได้น้อยในการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกโดยรวมแต่อย่างใด เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% ที่จะคืนให้กับผู้ถือบัตรนั้น จะเป็นการจ่ายคืนผ่าน e-money เพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าและร้านที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลเท่านั้น

อย่างไรก็ดี หากจะมีบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ได้ประโยชน์ มองไปยัง TNP ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในรายชื่อร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ล่าสุดราคาหุ้นยังคงปรับตัว Laggard ตลาดเกือบ 30% หากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มองว่านักลงทุนระยะสั้นสามารถเก็งกำไรในหุ้นดังกล่าวได้

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้น หลังจากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับแนวต้านแรกของเราประจำเดือนนี้ที่ 1740 จุด มองเป็นโอกาสที่ดีในการขายทำกำไรในหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ได้มีการเข้าซื้อหุ้นที่ระดับแนวรับสำคัญ 1670 จุดตามที่เราแนะนำก่อนหน้านี้ ซึ่งจะได้ผลตอบแทนราว 4.4% แล้ว ประเมินว่าถึงแม้ดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในระยะสั้นจาก Sentiment การลงทุนที่ดีขึ้น แต่การปรับตัวนั้นจะมาพร้อมกับความเปราะบางที่มากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานอย่างกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังไม่มีสัญญาณการถูกปรับขึ้น และกระแส Fund flow ในตลาดหุ้นไทยที่ยังคงเป็นลักษณะของการ Trading อยู่เช่นเดิม (เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติ Short สุทธิในตลาดล่วงหน้า 1 หมื่นสัญญาซึ่งเป็นการเปิดสถานะใหม่ส่วนใหญ่) ด้วยเหตุนี้ หาก SET Index ปรับตัวขึ้นไปจนถึงแนวต้านสำคัญของเราเดือนนี้ที่ 1770 จุด มองเป็นโอกาสในการลดพอร์ตอย่างมีนัยสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงคาดการณ์ว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในเดือนนี้ต่อไปในกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1670 จุด และกรอบแนวต้านที่ 1740 จุดและ 1770 จุด ดังนั้นยังคงแนะนำให้หาจังหวะ Trading ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้าน-แนวรับต่อไปเช่นเดิม มองปรากฏการณ์ Election rally จะยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้ และดัชนียังคงขาดปัจจัยหนุนในเชิงของ Valuation แต่ในทางกลับกัน Downside risk ของตลาดยังคงถูกประคับประคองจากการที่สภาพคล่องในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงและการที่ประเทศไทยถือเป็นแหล่งหลบภัยที่สำคัญ เวลาเกิดเหตุการณ์ความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ