HoonSmart.com>> “บลจ.อเบอร์ดีน” ปรับทัพทีมหุ้นไทย เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยที่ดีอย่างยั่งยืน มองตลาดหุ้นไทยยังเอื้อต่อการลงทุน คาดครึ่งปีหลังปี 65 จนถึงปี 66 ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะกองทุน ABSM หุ้นสมอลแค็พ โชว์ผลงานโดดเด่น ฝ่าวิกฤตโลก รับอานิสงส์จาก 4 ธีมหลัก
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนได้ปรับโครงสร้างทีมหุ้นไทย นำทีมโดย น.ส.ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย Head of Equities – Thailand และทีมงานมืออาชีพทางด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์สูงในประเทศไทยเข้ามาร่วมบริหารกองทุน ซึ่งกองทุนหุ้นไทยถือเป็นกองทุนเรือธงของเรา ในอดีตเมื่อพูดถึงสไตล์การลงทุนกองทุนหุ้นไทยของอเบอร์ดีนจะนึกถึงการลงทุนระยะยาว สไตล์Value Investor ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากขึ้น จึงต้องอาศัยความ Active ของทีมผู้จัดการกองทุนในการคัดเลือกหุ้น ระดมความคิดร่วมกันเพื่อหาธีมการลงทุน จัดพอร์ตให้เหมาะสม และให้ความสำคัญกับการจับจังหวะตลาดเพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) มากขึ้น
นอกจากนี้ความได้เปรียบที่อเบอร์ดีนเป็นบริษัทโกลบอลที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญตราสารทุนกระจายอยู่ทั่วโลก และยังได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นสมาชิกของทีมหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ทำให้เรามีมุมมองที่ล้ำหน้า เมื่อผนวกกับนวัตกรรมและเครื่องมือการลงทุนที่ล้ำสมัยจะช่วยให้เห็นโอกาสที่คนอื่นอาจมองข้ามไป ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการกองทุนตัดสินใจลงทุนได้อย่างแม่นยำ และทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญกลุ่มอเบอร์ดีนให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ที่ฝังอยู่ในกระบวนการการลงทุนของเรา
“เรามั่นใจว่าทีมหุ้นไทยของอเบอร์ดีนที่นำทีมโดยคุณดรุณรัตน์ Head of Equities และทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนสูงในหุ้นไทยจะนำเอาความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมนำเอาไอเดียและแนวคิดใหม่ๆมาใช้ในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน แน่นอนว่าอเบอร์ดีนยังคงไม่ทิ้งจุดแข็งเดิมของเราที่เน้น Bottom-up คัดหุ้นที่มีคุณภาพ วิเคราะห์เจาะลึกรายตัว แต่สิ่งที่เราเพิ่มขึ้นมาคือการเลือกธีมลงทุน มองหาโอกาสในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า และจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับธีมของเรา รวมถึงมุ่งหา Alpha จากการจับจังหวะตลาดมากขึ้น ซึ่งการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้พิสูจน์ได้ดีผ่านผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นไทยที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งอเบอร์ดีนเชื่อมั่นว่าด้วยทีมงานที่มีคุณภาพ การปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป รวมถึงเครื่องมือการลงทุนที่ล้ำสมั้ย จะช่วยทำให้เราสามารถส่งมอบผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยที่ดีได้อย่างยั่งยืน” นายโรเบิร์ต กล่าว
ด้านนางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย Head of Equities – Thailand เปิดเผยว่า ด้วยทีมงานหุ้นไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาอย่างยาวนาน ผนวกกับแรงสนับสนุนของทีมผู้เชี่ยวชาญที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคช่วยให้เรามองโอกาสทางธุรกิจในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะบางโมเดลธุรกิจที่เพิ่งเกิดขึ้นในไทย แต่ที่สิงคโปร์หรือญี่ปุ่นธุรกิจเหล่านั้นอาจเติบโตไปมากแล้ว กลุ่มอเบอร์ดีนยังมีเครื่องมือการลงทุนเฉพาะตัวที่ในไทยยังไม่มีใครมีเหมือนเรา ทั้ง Expert Networks ให้ผู้จัดการกองทุนร่วมพูดคุยกับผู้ที่เคยทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมหรือบริษัทโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดการกองทุนได้ข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจในธุรกิจนั้นได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งกลุ่มอเบอร์ดีนยังใช้นวัตกรรม Quant เครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์การลงทุน ทั้งด้านคุณภาพ, การเติบโต, โมเมนตัม, ความผันผวน และการประเมินมูลค่า คำนวณออกมาเป็น Score เพื่อช่วยกำหนดกลยุทธ์การลงทุน
“นับเป็นความท้าทายของผู้จัดการกองทุนในการบริหารกองทุนภายใต้สถานการณ์ที่ตลาดทั่วโลกมีความผันผวน ในโลกของการลงทุนย่อมมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยเครื่องมือการลงทุนที่เรามี ผนวกกับจุดแข็งของอเบอร์ดีนทั้งในแง่ของบุคลากรและการนำเอา ESG เข้ามาอยู่ในกระบวนการลงทุนจะทำให้พอร์ตการลงทุนของกองทุนหุ้นไทยของอเบอร์ดีนพร้อมรับมือกับทุกสภาพตลาด” นางสาวดรุณรัตน์ กล่าว
อเบอร์ดีนขอแนะนำกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอลแค็พ (ABSM) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นไทยที่เป็นเรือธงของอเบอร์ดีน กองทุนนี้จะเฟ้นหาหุ้นขนาดเล็กในไทยที่มีศักยภาพเติบโตสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต โดยจะเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ลงทุนครั้งแรก) ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 ด้วยสไตล์การลงทุนเชิงรุกอย่างแท้จริง ผู้จัดการกองทุนวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบ Bottom-up ผนวกกับเครื่องมือการลงทุน The Matrix ซึ่งเป็นนวัตกรรม Quant มาวิเคราะห์เชิงลึกบริษัทขนาดเล็กในแต่ละด้าน เฟ้นหาบริษัทที่มีคุณภาพสูงซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ด้วยจุดเด่นนี้จึงทำให้กองทุน ABSM มีประวัติผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 7.88% เทียบกับ Benchmark ที่ 2.47% ซึ่งชนะได้มากกว่า 5% (ข้อมูล ณ 29 เมษายน 2565)
สำหรับผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตแข็งแกร่ง อเบอร์ดีนขอแนะนำกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกรท (ABG) พร้อมรับอานิสงส์จาก 4 ธีมหลัก ได้แก่ 1.ธีมเปิดเมืองที่ส่งผลดีต่อกลุ่มโรงแรม กลุ่มคอมเมิร์ซ รวมถึงกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 2.ธีมกลุ่ม Defensive Stock ที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากเงินเฟ้อ 3.ธีมกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และ 4.ธีมกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ประกอบกับอเบอร์ดีนยังคงมีมุมมองตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง 2565 จนถึงปี 2566 จะยังคงฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากเราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยข้อมูล GDP ที่ประกาศจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไตรมาส 4/2564 เทียบรายปีขยายตัว 1.8% (ข้อมูล ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565) ขณะที่ไตรมาส 1/2565 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าขยายตัว 1.1% (ข้อมูล ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2565) ทำให้เรามองว่าท่ามกลางการระบาดของโอไมครอน เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบรายไตรมาส และสะท้อนได้ดีถึงโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดย House view เรามองว่ามีโอกาสที่ GDP ปีนี้จะขยายตัวสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. คาดการณ์ไว้ที่ 3.2% (ที่มา: ธปท. ข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565)
ขณะที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่รัฐบาลออกมาตรการคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า เรามองว่า ธปท. จะดำเนินนโยบายการเงินโดยให้น้ำหนักไปที่การกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ มากกว่าการควบคุมเงินเฟ้อ
“เรามองว่าดัชนีหุ้นไทยยังคง Laggard ปรับขึ้นช้ากว่าเมื่อเทียบกับทั่วโลก สวนทางกับฝั่งอเมริกาและยุโรปที่ถึงจุดพีคไปแล้ว ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของหุ้นไทยยังเป็นทิศทางขาขึ้น ดังนั้นเราเชื่อว่าหุ้นไทยทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กจะยังคงสร้างผลตอบแทนที่ดี Outperform ตลาดพัฒนาแล้วอย่างตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนควรทยอยลงทุนในกองทุนหุ้นไทยท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก”นางสาวดรุณรัตน์ กล่าว