HoonSmart.com>> ราคาเหรียญบิทคอยน์เด้งขึ้นสูงกว่า 31,000 ดอลลาร์ตามราคาหุ้นทั่วโลก หลังเซี่ยงไฮ้คลายล็อกดาวน์และประกาศแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพิ่มแรงจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้าไปลุยรอบใหม่ ส่วนบจ.ยังคงทุ่มเงินลงทุน “TVD” ไฟเขียวส่งลูกลุยสินทรัพย์ดิจิทัล 55 ล้านบาท”บิทคับ”มาแปลกรับประกันซื้อคืนในราคาต้นทุน 250,000 เหรียญ เงื่อนไขถือ 1 ปี ได้ค่าธรรมเนียม ทำให้“โปรเอ็น คอร์ป” ยืนยันไม่ขาดทุน 72.95 ล้านบาท
วันที่ 31 พ.ค. 2565 เวลา 17.42 น. ราคาเหรียญบิทคอยน์ซื้อขายบริเวณ 31,645.70 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากวันก่อน สดใสตามราคาสินทรัพย์เสี่ยง หุ้นโลกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย และเซี่ยงไฮ้ยุติการล็อกดาวน์ รวมถึงการออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามราคาเหรียญบิทคอยน์ รวม 6 เดือนที่ผ่านมา ยังคงทรุดตัวลง -25,411.80 ดอลลาร์ หรือ-44.54% กระเตื้องขึ้นมากจากที่เคยลงไปต่ำกว่า 29,000 ดอลลาร์ การดีดกลับของราคาเหรียญ สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อลงทุนอีกครั้ง บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์ ก็ให้ความสนใจเข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัท ทีวีไดเร็ค (TVD) เพิ่งมีมติเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2565 อนุมัติหลักการการปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง และอนุมัติให้บริษัทย่อย คือ ทีวีดีเอ็ม เข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล รวมเงินลงทุน 55 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ไม่เกิน 25 ล้านบาท จะทยอยจัดซื้อเครื่องขุดและคาดว่าจะได้ครบ 25 เครื่อง ภายในไตรมาส 3/65 และลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี(เหรียญ KUB) จำนวน 125,000 เหรียญ เพื่อเป็น Node Validators คาดว่าจะเริ่มในเดือนมิ.ย. ในวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขไม่ให้ขายและ/หรือแลกเปลี่ยนเหรียญ ก่อนเดือนพ.ค. 2566 เพื่อให้ได้รับสถานะเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม Bitkub Chain แบบ PoSA จะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมตามจำนวนเหรียญ KUB ที่ถือและจำนวนครั้งของการทำธุรกรรมที่ได้ตรวจสอบ
รูปแบบที่ TVD จะเข้าไปลงทุนในเหรียญ KUB ของกลุ่มบิทคับ เหมือนกับที่บริษัทโปรเอ็น คอร์ป (PROEN)ได้เข้าไปลงทุน ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี (Bitkub) เพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) แบบ PoSA (Proofof Stake Authority) ในระบบการตรวจสอบธุรกรรมบล็อกเชน (Block chain) ของ Bitkub (Bitkub Blockchain Technology Co., Ltd.)
บริษัทโปรเอ็นฯชี้แจงว่าการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Staking) มีเงื่อนไข คือ บริษัทต้องเข้าซื้อเหรียญ KUB จากบิทคับ จำนวน 250,000 เหรียญ (ประมาณไม่เกิน 72,949,815 บาท) และไม่ให้บริษัททำการขายและ/หรือแลกเปลี่ยนเหรียญดังกล่าวเป็นระยะเวลาก่อนวันที่ 31 พ.ค. 2566 ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 พ.ค. 2565 บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญของสัญญาข้อตกลง คือ ทางบิทคับยืนยันการรับประกันราคาซื้อคืนขั้นต่ำเมื่อครบกําหนดวันที่ 31 พ.ค. 2566 ที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่บริษัทลงทุน ซึ่งอ้างอิงกับราคาซื้อขายแลกเปลี่ยนบนศูนยกลางซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพยดิจิทัลบิทคับ ณ วันที่บริษัทลงทุน แต่หากราคาซื้อขายที่อ้างอิงสูงกว่าราคาขั้นต่ำที่รับประกัน ทางบริษัทสามารถขายทำกำไรได้ตามราคาแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป กล่าวว่า ยืนยันว่าบริษัทฯจะไม่ขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ และมีรายได้ในรูปของค่าธรรมเนียมด้วย เมื่อครบกำหนดวันที่ 31 พ.ค.2566 บริษัทจะเลือกว่าจะขายทำกำไร หรือจะต่ออายุ เปลี่ยนจาก PoSA เป็น POS ส่วนผลกระทบระหว่างทางก่อนที่จะครบดีล 1 ปี ก็ไม่มี เนื่องจากจะลงบัญชีในงบแสดงฐานะการเงิน เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน จะไม่มีผลต่อมูลค่าทางบัญชี เพราะมีการประกันราคารับซื้อขั้นต่ำไว้
“อยากให้ทุกคนมั่นใจในตัวบริษัท และผู้บริหาร มีการตัดสินใจอย่างรอบคอบ เป็นดีลที่สมเหตุสมผล มีการป้องกันความเสี่ยงพอสมควร เงินลงทุน 72 ล้านบาทเศษ ในวันที่สิ้นสุดสัญญา หากมีกำไรก็จะทำ และยังมีค่าตรวจสอบ 250,000 บาท ก็จะมีรายได้ในส่วนนี้ ส่วนเหตุผลในการเลือกเป็นพันธมิตรกับบิทคับ เพราะเราเติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มต้นบิทคับ เรามีความเชื่อมั่นทีมผู้บริหารบิทคับว่าดำเนินธุรกิจด้วยความสุจริต น่าจะเลือกดีที่สุด”นายกิตติพันธ์กล่าว
ส่วนการดำเนินธุรกิจปกติ “ดาต้าเซ็นตอร์” แห่งใหม่ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนขออนุญาต คาดมิ.ย. นี้ลงเสาเข็มได้ใช้เวลาก่อสร้าง 8 เดือน ส่วนงานในมือ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 มีมูลค่า 1,024 ล้านบาท จะรับรู้ถึงไตรมาส 1/2566 ตอนนี้มีหลายโครงการอยู่ระหว่างการประมูล กำลังเซ็นสัญญา และเจรจากับลูกค้า มีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าผลงานในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ระดับ 20% ภาพรวมตลาดการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ คาดว่าจะเติบโตราว 23%
บริษัทเน้นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างรายได้ประจำ แต่สร้างความเติบโตแบบก้าวกระโดด มองทิศทางการลงทุนในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่ช่วยสร้างกำไร
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องขุดเหรียญคริปโตให้บริการดูแลรักษาเครื่อง และเป็นผู้ให้บริการรับฝากวางเครื่องขุด (เฉพาะรุ่น) พร้อมบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่าจะเป็น New S-Curve หรือธุรกิจที่ช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างโดดเด่น และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
เมื่อเร็วๆนี้ นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค (SCI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติชะลอการลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ตั้งงบไว้ 140 ล้านบาท เนื่องจากราคาเหรียญบิทคอยน์ปรับตัวลดลงอย่างมาก ต่ำกว่าราคาที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้ อย่างไรก็ตามบอร์ดอนุมัติให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และโทเคนดิจิทัล ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล มีกรอบวงเงินไม่เกิน 30 ล้านบาท โดยจะเริ่มลงทุนตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.นี้คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3/2565 เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า
“ราคาเหรียญบิทคอยน์ปรับตัวลดลงอย่างมาก น่าจะเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี และเมื่อพิจารณาความคุ้มค่าของผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน การซื้อเหรียญบิทคอยน์ถือเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี และคุ้มค่าให้แก่บริษัทได้” นายเกรียงไกรกล่าว
บริษัทมองว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีบล็อกเซน (Blockchain) เชื่อว่าเทคในโลยีบล็อกเชน เป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยผู้แปลงการทำงานของธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม ในปัจจุบันการใช้เทคโนโลยี Blockchain มีการการเติบโตเป็นอย่างมาก และถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม ไม่จำกัดแค่ธุรกิจการเงิน การเดิบโตของบล็อกเชนส่งผลให้โครงข่ายเติบและแข็งแกร่งมากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และมีมูลค่าสูงขึ้น บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าสกุลเงินดิจิทัลกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว รวมถึงสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นได้อีกมากในอนาคต
ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และโครงสร้างเหล็กชุบกัลวาไนซ์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัว บริษัทฯ จึงมีความต้องการหาโอกาสทางธุรกิจหรือการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างเสริมรายได้ โดยมองว่าอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีนั้นจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และให้ผลตอบแทนที่ดี สามารถเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจหรือต่อยอดการลงทุนอื่นๆ ได้ต่อไปในอนาคต