“คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนี Sideway Up คัด 12 หุ้นเสิร์ฟ หุ้นเด่น BRI-MINT

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนีทดสอบแนวต้าน 1,645 – 1,655 จุด แนะซื้อ KBANK, BBL, KTB, BFIT,CPALL, MBK, PTT, TOP, ESSO , KCE, SVI, HANA หุ้นเด่นวันนี้ BRI-MINT

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนี Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,645 – 1,655 ได้ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว แนะนำซื้อ KBANK, BBL, KTB, BFIT (+สินเชื้อฟื้นตัว/หนี้เสียลดลง)/ค้าปลีก CPALL, MBK พลังงาน PTT, TOP, ESSO ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ KCE, SVI, HANA

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BRI (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.20 บาท) บริษัทรายงานผลประกอบการ 1Q65 เป็นสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส โดยมีรายได้รวม 1.48 พันล้านบาท +77%YoY, +47%QoQ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 353 ล้านบาท +170%YoY +135%QoQ หลักๆ มาจากมาจากการบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนและบริหารโครงการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์รวม 3 โครงการ

สำหรับแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดว่ายอดโอนจากโครงการเดิมจะเติบโตต่อเนื่อง ตามแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 65 ที่วางไว้ 12 โครงการ ใน 7 จังหวัด มูลค่าโครงการรวม 1.34 หมื่นล้านบาท โดยใน 1H65 เปิดแล้ว 2 โครงการ และช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดตัวอีก 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากแผนธุรกิจที่วางไว้ผู้บริหารมั่นใจจะสามารถทำยอด Presale ในปีนี้ 1.1 หมื่นล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 7.25 พันล้านบาทตามเป้า นอกจากนี้ยังมี Upside จากการทำ JV กับพันธมิตรอีก 1-2 โครงการ หนุนให้กำไรปกติในปีนี้เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม

หุ้น MINT (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 41.00 บาท) น้ำหนักการฟื้นตัวที่มีโอกาสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง YoY โดย Core Revenue ช่วง 1Q65 ปรับตัวสูงขึ้น +66%YoY ขณะที่ทิศทางในช่วงถัดไปยังคาดว่าธุรกิจโรงแรมโดยรวมจะมี RevPar ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณในเดือน เม.ย. ซึ่งถ้าหากเทียบกับปีปกติใน 2562 แล้ว RevPar เม.ย.65 จะอยู่ที่ -5% (ปรับตัวดีขึ้นจาก เม.ย.64 ที่ -83%) ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับเข้าสู่ปกติโดยเฉพาะโซนยุโรป(ที่มีสัดส่วนห้องอยู่ราว 60% )

ขณะที่ธุรกิจ Food มีแรงหนุนจากร้านอาหารในไทยช่วง 1Q65 แต่ได้รับผลกระทบลบจากการล็อกดาวน์ในจีนและออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามคาดว่าประเด็น Covid-19 จะมีน้ำหนักน้อยลงในช่วง 2H65 ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี65 MINT* มีโอกาสที่จะพลิกกลับมีกำไรได้ที่ 0.24 บ./หุ้น หลังจากขาดทุนต่อเนื่องในปี64 และ 63 ที่ -2.83 บาท/หุ้น และ -4.71 บาท/หุ้น ตามลำดับ