HoonSmart.com>>หุ้นไทยเด่นกว่าภูมิภาค ได้แรงซื้อต่างชาติ 3,387 ล้านบาท ข่าวดีในบ้านหนุน ปัจจัยต่างประเทศผ่อนคลายชั่วคราว เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย คาดขยับ 0.5% ในการประชุมเดือนมิ.ย.-ก.ค. ตลาดรับรู้ไปแล้ว บล.กสิกรไทยเตือนตลาดยังไม่ใช่ขาขึ้นยาว แนวต้านติดบริเวณ 1,666 จุด กลยุทธ์ขายล็อกกำไรบางส่วนในช่วงแกว่งในกรอบ 1,630 จุด เก็งกำไรเน้นตัวที่มีปัจจัยบวก 7 กลุ่ม บอนด์ยีลด์ขาลง ดีต่อกลุ่มไฟแนนซ์ -ไฟฟ้า
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 26 พ.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,633.73 จุด เพิ่มขึ้น 8.55 จุด หรือ +0.53% มูลค่าซื้อขาย 61,370.04 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อต่อ 3,387.15 ล้านบาท สถาบันไทยช่วยด้วย 522.57 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขายทำกำไร 3,279.70 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 630.03 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยังคงซื้อตราสารหนี้สุทธิ 25,502 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาททรงตัวปิดที่ 34.23 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่าภูมิภาค ซึ่งตลาดหลายแห่งปรับตัวลง เช่น ญี่ปุ่น -0.27% เท่ากับฮ่องกง เกาหลีใต้ -0.18% ส่วนเซี่ยงไฮ้บวก 0.50% ปัจจัยหนุนให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นมาจากแรงซื้อเข้ากลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มการเงิน อาทิ MTC, SAWAD และกลุ่มธนาคาร SCB และ BBL รวมถึงหุ้นกล่มเปิดเมือง และการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น จากการตีความการส่งสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมิ.ย. และก.ค. ตลาดรับรู้กันแล้ว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ไม่ปรับขึ้นแรง ตลาดผ่อนคลายชั่วคราว แต่มองว่ายังต้องคอยติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯต่อไป จะลดลงได้หรือไม่
ภาวะตลาดเป็นลักษณะของการเทรดรายวันตามประเด็นที่เกิดขึ้น วันนี้ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ที่ฟื้นตัวขึ้นมาหลังมองบอนด์ยีลด์จะไม่ปรับขึ้นแรงแล้ว ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็บวกเล็กน้อย สวนทางดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบเล็กน้อย พร้อมให้จับตารองประธานเฟดจะพูดคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย (26 พ.ค.)
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 27 พ.ค.2565 แกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,625 จุด แนวต้าน 1,636-1,645 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวขึ้น มีหลายปัจจัยเกื้อหนุน ทั้งเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลงมาต่ำกว่า 3% มาอยู่แถว 2.7% และรายได้ของเกษตรกรที่ดีขึ้น เกิดความคาดหวังหนี้เสียจะน้อยลง กลุ่มจำนำทะเบียน จะมีความวิตกว่าไตรมาส 2/65 จะมี NPL และการตั้งสำรองที่สูงขึ้น ทำให้กำไรสะดุดไปบ้าง แต่เมื่อรายได้ของเกษตรกรดีขึ้น ก็อาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้บ้าง
นอกจากนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ถือว่า Underperform แต่การปรับตัวขึ้นยังมองเป็นการดีดตัวขึ้นในทิศทางขาลงอยู่ และยังได้ผลบวกจากที่เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหากเงินเฟ้อชะลอลง พร้อมแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MTC ให้ราคาเป้าหมาย 64 บาท และ TIDLOR ให้ราคาเป้าหมาย 48 บาท
ด้านบล.กสิกรไทย ประเมินว่าตลาดยังไม่ใช่ขาขึ้นระยะยาว คาดแนวต้านจะติดบริเวณ 1,666 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ ขายล็อกกำไรบางส่วน ในช่วงที่ SET Index แกว่งในกรอบ 1,630 จุด ช่วงนี้แนะเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ 1.กลุ่มเปิดเมือง อาทิ BEM, CENTEL, OR, PTG, D, AMATA 2.กลุ่ม Defensive อาทิ BH, BDMS, ADVANC, AP 3.กลุ่มโรงกลั่น แนะ SPRC, ESSO 4.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ (CPF, CBG, EKH)
5.กลุ่มที่ได้ประโยชน์หากสหรัฐยกเลิกภาษี (tariff) KCE, JWD 6.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มบอนด์ยีลด์ปรับลง คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า GUNKUL กลุ่มการเงิน (MTC, TIDLOR, SAWAD, CHAYO, AEONTS , KTC )7.กลุ่มรับเหมาที่ได ้กระแสบวกการงานประมูลรัฐที่ทยอยเข้ามา อาทิ (CK, STEC, SEAFCO, PYLON)