STOWER คาดปี 66 ปลดป้าย C กำไรเร่งตัว-ใช้กลไกล้างขาดทุน

HoonSmart.com>>”สกาย ทาวเวอร์ ” ติดปีกธุรกิจเทเลคอมในฟิลิปปินส์ เซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่าย T3 Technology ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในไทย รุกตลาดบรอดแบรนด์อินเทอร์เน็ต และ IoT  ต่อยอดรายได้ให้เช่าเสาโทรคมนาคมของบริษัทเติบโต และคาดได้งานกฟผ. 500-600 ล้านบาท หนุนผลงานปี 65 พลิกมีกำไร ผสมผสานกับการใช้กลไกทางการเงิน ล้างขาดทุนสะสมหมดในปี 66 สามารถปลดเครื่องหมาย C

บริษัท สกาย ทาวเวอร์ (STOWER) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท T3 Technology ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในไทย ที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) 3 แห่งในประเทศจีน เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าและขยายฐานธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ ร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์ CPE รุกตลาดบรอดแบนด์ให้กับผู้ให้บริการ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต รวมทั้งผลิตภัณฑ์ IoT ในประเทศฟิลิปปินส์

นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ (STOWER) เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายร่วมกันในการขยายธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งสามารถต่อยอดธุรกิจเทเลคอมของ STOWER ที่ให้บริการเสาโทรคมนาคมให้เช่าอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยมีลูกค้าเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์อินเทร์เน็ต ที่มีผู้ใช้งานกว่า 6.9 ล้านรายในปี 2564 อัตราเติบโตเฉลี่ย 11%ต่อปี คาดจะเพิ่มเป็น 12.8 ล้านรายใน 5 ปีข้างหน้า

บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายผลิตภัณฑ์ของ T3 Technology กว่า 3,000 ล้านบาท ใน 3 ปี จะเริ่มเข้ามาในไตรมาสที่ 4 ประมาณ 50 ล้านบาท และในปี 2566 จะเพิ่มเป็น 200-300 ล้านบาท เช่นเดียวกับ T3 Technology ที่ประสบความสำเร็จในไทย ด้วยยอดขายล่าสุดปีละกว่า 3,000 ล้านบาท

“เราปรับโครงสร้างธุรกิจจากโรงไฟฟ้าชีวมวล เข้าสู่ธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 นับว่ามาถูกทางและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในฟิลิปปินส์สูงมาก”นายธีรชัยกล่าว

ประเทศฟิลิปปินส์มีจุดเด่น เรื่องเศรษฐกิจมีการเติบโตสูงเฉลี่ย 6% ต่อปีแล้ว มีประชากรประมาณ 110 ล้านคน คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีประชากร 120 ล้านคน อายุเฉลี่ย 26 ปี คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ และความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตสูงมาก ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และผลิตภัณฑ์ IoT มีโอกาสเติบโตสูงมาก ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลก และความต้องการใช้จากภาคธุรกิจอีกมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจ Call Center ของโลก ขณะที่มีเสาโทรคมนาคมรวมประมาณ 28,500 สถานี ซึ่งรัฐบาลต้องการให้มีถึง70,000 สถานี กว่าจะถึงจำนวนนั้นได้คาดว่าจะต้องใช้เวลา 4-5 ปี

สำหรับธุรกิจให้เช่าเสาโทรคมนาคมในประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 2564 บริษัทสร้างเสร็จจำนวน 9 สถานี ปัจจุบันมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ Globe เซ็นสัญญาเช่าแล้ว ในปีนี้บริษัทฯจะเร่งลงทุนก่อสร้างอีก 240 สถานี ด้วยงบลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง 3 ปี (2565-2567 )จะมีทั้งสิ้น 729 สถานี จะเริ่มรับรู้รายได้ชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป  ซึ่งในแต่ละปีสร้างรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท สัญญาระยะยาว 20 ปี และสามารถปรับขึ้นค่าเช่า 4 % ทุกปี ที่สำคัญมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 70%  บริษัทจะเริ่มลงทุนเมื่อมีลูกค้าและใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 1-2 เดือน สามารถสร้างรายได้ประจำ เช่น การลงทุน 200 สถานี สร้างรายได้ปีละ 7 แสนบาท รวมเป็นเงิน 140 ล้านบาท

ส่วนงานในประเทศไทย บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานโครงการเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์ (KV) จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของผลการประมูลงานภายใน 2 เดือนนี้ บริษัทคาดหวังจะได้งานเข้ามาราว 500-600 ล้านบาท และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาบางส่วนในปี 2565

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STOWER คาดว่าผลประกอบการในปี 2565 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้อย่างแน่นอน หลังจากมีผลขาดทุนมาต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และไตรมาส 1 ขาดทุน 28 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากฟิลิปปินส์มากกว่าในประเทศไทย  ปัจจุบันบริษัทมีผลขาดทุนสะสมกว่า 1,900 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะล้างทั้งหมดได้ภายในปี 66 โดยนำกำไรจากผลการดำเนินงาน และใช้กลไกทางการเงินมาช่วยอีกทางหนึ่ง คาดว่าจะสามารถปลดเครื่องหมาย C ได้ ในปี 25666

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 6,659,154,796  หุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 1.50 : 1.00 ในราคาหุ้นละ 0.05 บาท กำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้น 23 พ.ค.-10 มิ.ย. 2565