หุ้นกลุ่มปาล์มร่วงหลังเลิกแบนส่งออกน้ำมันอินโดนีเซีย

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มปาล์มร่วงยกแผง รับผลลบจากการยกเลิกแบนการส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปาล์มทยอยปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องอยู่แล้วหลังจากที่ไปทำสถิติสูงสุดในช่วงอินโดนีเซียประกาศห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม และเช้าวันนี้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อย -1.7% อยู่ที่ 6,531 MYR/MT

เมื่อเวลา 10.23 น. หุ้นในกลุ่มปาล์มปรับตัวลงยกแผง โดยหุ้น CPI ลบ 3.98% มาอยู่ที่ 3.86 บาท ลดลง 0.16 บาท มูลค่าซื้อขาย 30.48 ล้านบาท
หุ้น UPOIC ลบ 3.30% มาอยู่ที่ 8.80 บาท ลดลง 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.97 ล้านบาท
หุ้น UVAN ลบ 2.21% มาอยู่ที่ 8.85 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 16.31 ล้านบาท

บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่า การยกเลิกแบน การส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย มองว่าข่าวนี้จะเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มผู้ปลูกปาล์ม ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาช่วงที่ผ่านมา อย่างหุ้น UPOIC, UVAN, CPI
ตามที่มีข่าวออกมาว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มในวันนี้ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 พ.ค. หลังจากที่ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหารในประเทศได้บรรเทาลงก่อนหน้านี้ ปธน.วิโดโดประกาศห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหารในประเทศ ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อประชาชน และส่งผลให้นักศึกษาออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ปธน.วิโดโดกล่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม แม้ว่าราคาน้ำมันปรุงอาหารยังไม่ได้ลดลงสู่ระดับ 14,000 รูเปียห์/ลิตรตามเป้าหมายของรัฐบาล แต่การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานจำนวน 17 ล้านคนในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งห้ามส่งออกดังกล่าว

ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปาล์มทยอยปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องอยู่แล้วหลังจากที่ไปทำสถิติสูงสุดในช่วงที่อินโดนีเซียประกาศห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มทุกชนิดในช่วง 27-29 เม.ย. ปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวลงมาอยู่แถวระดับการประกาศห้ามส่งออกของอินโดนีเซียแล้ว โดยเช้าวันนี้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อย -1.7% อยู่ที่ 6,531 MYR/MT

จึงมองว่ากระทบเชิง sentiment ต่อ TVO เล็กน้อย โดยยังคงคำแนะนำ “ถือ” TVO ที่ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท และคงประมาณการ กำไรสุทธิปี 65-66 อยู่ที่ 2,187 ล้านบาท (+6% YoY) และ 2,036 ล้านบาท (-7% YoY)