หุ้นปิดร่วง 14.35 จุด วิตกเงินเฟ้อสูง ต่างชาติขาย 432 ลบ.

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดร่วง 14.35 จุด ตามตลาดต่างประเทศ กังวลเงินเฟ้อสูงหวั่นเศรษฐกิจโลกชะลอ แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มเปิดเมืองหลังภาครัฐฯแถลงยืนยันเศรษฐกิจไทยโตแกร่ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ส่วน Growth Stock ร่วงยกแผงรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอ นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 693.18 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,045.74 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,600 แนวต้าน 1,625 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 พ.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,605.98 จุด ลดลง 14.35 จุด หรือ -0.89% มูลค่าซื้อขาย 62,664.04 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,611.67 จุด ต่ำสุด 1,592.10 จุด

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 432.44 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 79.88 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,045.74 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 693.18 ล้านบาท

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงเกือบ 1% ถือว่าแข็งกว่าตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็ปรับตัวลงราว 1-2% จากความกังวลเงินเฟ้อสูงจะกระทบเศรษฐกิจโลก โดยตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากการแถลงใหญ่ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่ออกมายืนยันเศรษฐกิจไทยเติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวสองไตรมาส ส่งผลให้หุ้นส่วนใหญ่ที่พยุงตลาดเป็นหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง อย่างเช่นหุ้น BTS, BEM, BH, BDMS, CPN เป็นต้น ที่แข็งแกร่งมาก

ขณะที่ Growth Stock ปรับตัวลงยกแผง รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวลง จากปัญหาเงินเฟ้อสูง แต่ก็ได้สะท้อนตลาดไปแล้ว ดังนั้นช่วงสั้น ๆ ดัชนีฯน่าจะแกว่ง Sideway จากเดิมที่ Sideway Down พร้อมให้ติดตามความเห็นของกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และติดตามเงินเฟ้อของยุโรปที่จะทยอยออกมา

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่20 พ.ค.2565 ตลาดคงจะแกว่ง Sideway แต่ก็ขึ้นกับทิศทางตลาดสหรัฐด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,600 จุด แนวต้าน 1,625 จุด

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
FTI ปิดที่ 3.84 บาท เพิ่มขึ้น 1.34 บาท หรือ +53.603% มูลค่าซื้อขาย 3,736.20 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 26.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 2,168.80 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 155.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ -1.89% มูลค่าซื้อขาย 2,045.97 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 142.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -1.39% มูลค่าซื้อขาย 1,563.65 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 68.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,544.93 ล้านบาท