โบรกฯ มองหุ้นอ่อนตัวแนวรับ 1,710 จุด

โบรกฯ หุ้นแกว่งตัววิตกสงครามการค้าสหรัฐและจีน แนวรับดัชนี 1,710 จุด “เมย์แบงก์กิมเอ็ง” แนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% เลี่ยงหุ้นกลุ่มคอมมอดิตี้

บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี คาด SET Index อ่อนตัวทดสอบแนวรับบริเวณ 1,710 จุดก่อนจะสลับรีบาวด์ จากความกังวล Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนที่รุนแรงขึ้นหลังสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน พร้อมขู่หากจีนออกมาตรการตอบโต้จะเก็บภาษีเพิ่มอีก 2.6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้จีนอาจปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเจรจาแก้ปัญหาข้อพิพาทการค้าที่ทางสหรัฐส่งจดหมายเชิญ

อย่างไรก็ตามคาดว่าปัจจัยบวกภายในประเทศจะช่วงพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัวได้หลังกรอบการเลือกตั้งมีความชัดเจนในช่วงเดือนก.พ. – พ.ค. 2562 ซึ่งหนุนต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนรวมถึงแผนการประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐที่จะเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปีจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic นำโดย CPALL, STEC, BEM, SCB และหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น (มี Upside) นำโดย GOLD, PRM อย่างไรก็ตามไม่ว่าสถานการณ์ประเด็นสงครามการค้าจะออกในรูปแบบ Base หรือ Worst case คงคำแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่ม Commodity

บล.แอพเพิล เวลธ์ คาดดัชนี SET ทรงตัวอยู่ในกรอบ 1,700 -1,730 จุด แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นที่ได้ผลบวกการเลือกตั้งและการลงทุน เช่น BBL , KBANK, CK , STEC , AMATA , WHA , PLANB , VGI , ROBINS, CPALL ,TKS

บล.เอเอสแอล มอง SET Index จะยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down กรอบในสัปดาห์นี้ 1,700 – 1,750 จุด แนะนำ Selective Buy (1) กลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (2) กลุ่มโรงกลั่น ที่ได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้น (3) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธปท. และ (4) กลุ่ม Defensive Stock เพื่อรองรับตลาดที่อาจผันผวนได้จากประเด็นการค้า โดยเราเลือก BJC PLAT WHA TOP BCP KBANK SCB BCPG และ EGCO (มูลค่าเหมาะสมของบริษัทที่เรายังไม่ได้ศึกษามาจาก IAA Consensus)

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index จะแกว่ง Sideways Down ต่อเนื่องหลังล่าสุดสหรัฐฯประกาศเก็บภาษีสินค้าจีน 2 แสนล้านเหรียญในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.61 และจะเพิ่มเป็น 25% ในปีหน้า ซึ่งทำให้การเจรจาระหว่างกันเกิดขึ้นได้ยาก และมีโอกาสที่จีนจะตอบโต้อย่างทันควันด้วยวงเงิน 6 หมื่นล้านเหรียญอิงจากข่าวในช่วงก่อนหน้า ทำให้หุ้นที่เป็น Global Play และหุ้นส่งออกที่เกี่ยวข้องมีโอกาสถูกกดดัน อย่างไรก็ตามยังคาดว่าหุ้น Domestic Play จะยังเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งกว่าตลาดโดยเฉพาะกลุ่มตัวที่ได้อานิสงส์จากการเลือกตั้งซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้น

สำหรับหุ้นเด่น ได้แก่ TISCO แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 98 บาท หลังรายงานสินเชื่อเดือน ส.ค. ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่มีสัญญาณที่ดีขึ้นในกลุ่ม SME ที่ประกอบธุรกิจ Floor plan และสินเชื่อ retail ที่ไม่หดตัวลงแล้ว (HP flat แต่ Auto cash โตได้ดีขึ้น) เงินให้สินเชื่อ 8 เดือนปี 2561 ลดลง 5.35% จากต้นปี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการ repayment ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2561 นอกจากนี้คาดผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2561 จะดีกว่าครึ่งแรกของปี 2561 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษมากกว่าคาด ส่วนกำไรทั้งปี 2018 คาดไว้ที่ 7.1 พันลบ. (+16.7% Y-Y) และคาดปันผล 5.5% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง)