HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ดคาดหุ้นเช้านี้ร่วงตามภูมิภาค กังวลเฟดเดินหน้านโยบายคุมเข้มต่อจนกว่าเงินเฟ้อชะลอตัว แนะซื้อเก็งกำไรบริเวณดัชนี 1,590 จุด กลุ่มอาหาร รับราคาอาหารแนวโน้มสูงขึ้น ชู ASIAN, CPF , TFG, CPI, TWPC กลุ่ม Defensive แนะ ADVANC, GULF กลุ่มขนส่งรับจีนคลายล็อกดาวน์ ชี้เป้า AOT, PSL, TTA, JWD, WICE
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวโน้มดัชนี SET เช้านี้คาดปรับลดลงตามดัชนีภูมิภาค แนะนำซื้อเก็งกำไรบริเวณ 1,590+/- ซื้อกลุ่มอาหาร ASIAN, CPF , TFG, CPI, TWPC (+ราคาอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น )/ กลุ่ม Defensive เช่น ADVANC, GULF / กลุ่มขนส่ง AOT, PSL, TTA, JWD, WICE ( +จีนคลายล็อกดาวน์)
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลในงาน Future of Everything Festival ชี้เฟดใช้นโยบายคุมเข้มต่อ จนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 94.8% เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 15 มิ.ย. และมีโอกาส 83.2% จะขึ้นอีก 0.50% ในการประชุม 27ก.ค. ส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐสิ้นปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ระดับ 2.75 – 3.00% เพื่อคุมเงินเฟ้อสหรัฐ เม.ย.+8.3% YoY จากราคาพลังงาน +30.3% และราคาอาหาร +9.4% จากวิกฤตรัสเซีย – ยูเครน, จีนล็อกดาวน์ รวมถึงปัญหาห่วงโซ่อุปทานการผลิต โดยนักลงทุนกังวลเฟดจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย จนส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว กอปรเฟดกำลังจะเริ่มลดขนาดงบดุลจำนวน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ใน มิ.ย. เป็นอีกปัจจัยอาจส่งผลให้สภาพคล่องตึงตัว
หุ้นแนะนำ GLOCON (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Consensus N.A. บาท) งวด 1Q65 รายงานกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท +394%YoY เนื่องจากปิดกิจการร้านอาหารทั้ง A&W และ Kitchen Plus หยุดการรับรู้ผลขาดทุน ขณะที่รายได้รวมเติบโต +50%YoY อยู่ที่ 616 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของการบริโภคหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย
แนวโน้ม 2Q65 คาดฟื้นตัวขึ้นต่อ หนุนจากธุรกิจอาหารแปรรูป การส่งออกผลไม้อบแห้ง และบรรจุภัณฑ์ ผู้บริการมองรายได้ทั้งปี 65 ที่ 3 พันล้านบาท จากการรับรู้รายได้ลูกชิ้นทิพย์เต็มไตรมาสตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป ประกอบกับการผลิตที่จะดีขึ้นเพราะย้ายสายการผลิตผลิตเสร็จ
หุ้น SABINA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 27.25 บาท) กำไรสุทธิ 1Q65 อยู่ที่ 101.6 ลบ. (+29.6% YoY, +4.3% QoQ) ฟื้นตัวดีจากการ Reopening ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องตามกำลังซื้อของผู้บริโภคผ่านการกระตุ้นจากโครงการต่างๆของภาครัฐฯ และสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ที่ดีขึ้นตามลำดับทั้งในไทย และ ต่างประเทศ (โดยเฉพาะเวียดนาม และ ฟิลิปปินส์) โดยตลาดคาด EPS ปี65 ที่ 1.10 บาท/หุ้น(จาก 0.85 บาท/หุ้น ในปีก่อน)
ด้าน SABINA วางเป้ายอดขายปีนี้จะเติบโต +20%YoY กลับไปใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่ทำไว้ในปี62 โดยในแง่ของช่องทางการขายทั้ง 3 ช่องทาง คือ 1.ช่องทางการขายแบรนด์ในประเทศ(Retail Business) 2.ช่องทางขายแบบไม่มีหน้าร้าน(Non-Store Retailing;NSR) 3.ช่องทางการรับผลิต (OEM) จะสามารถเติบโตได้ 20%, 20%, และ 10% ตามลำดับ