หุ้น BCH-CHG ราคาร่วงลง เล็งกำไรหดในช่วงที่เหลือของปี

HoonSmart.com>> BCH-CHG ราคาร่วงลง เล็งกำไรลดลงในช่วงที่เหลือของปีจากจำนวนผู้ป่วยโควิดลดลง-ปรับลดราคาเบิกจ่าย กระทรวงสาธารณสุขลดมาตรการโควิดเป็นระดับ 3 จากระดับ 4 ภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้  ประกาศเป็นโรคประจำถิ่นภายใน 1 ก.ค. แนวโน้มมาร์จิ้น-EBIDA ส่อแววหดต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 11.34 น.หุ้น BCH และ CHG ราคาร่วงลง โดยหุ้น BCH ร่วง 6.00% มาอยู่ที่ 18.80 บาท ลดลง 1.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 603.89 ล้านบาท
หุ้น CHG ลบ 3.74% มาอยู่ที่ 3.60 บาท ลดลง 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 259.87 ล้านบาท

บล.กรุงศรี แนะนำ”ถือ”หุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) และบริษัทโรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) ราคาเป้าหมาย BCH อยู่ที่ 23.1 บาท/หุ้น ส่วน CHG ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท/หุ้น เชื่อว่ากำไรจะลดลง qoq ในช่วงที่เหลือของปีจากจำนวนผู้ป่วยโควิดลดลง และการปรับลดราคาเบิกจ่าย กระทรวงสาธารณสุขจะลดมาตรการโควิดเป็นระดับ 3 จากระดับ 4 ภายในสิ้นเดือน พ.ค. และจะประกาศเป็นโรคประจำถิ่นภายใน 1 ก.ค. นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรา EBITDA มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากการประหยัดจากขนาดที่ลดลง

BCH ไตรมาส 1/65 กำไรปกติเติบโตก้าวกระโดด 527% yoy เป็น 2 พันล้านบาท ลดลง 18% qoq กำไรสูงกว่าประมาณการของตลาด แต่ใกล้เคียงประมาณการฝ่ายวิจัย และคิดเป็น 78% ของประมาณการปี 65 ทั้งนี้ อัตราการทำกำไรลดลงเป็นปัจจัยกดดันกำไรลดลง qoq รายได้รพ. สูงขึ้น 4% qoq เป็น 7.1 พันล้านบาท รายได้เกี่ยวกับโควิดเพิ่มขึ้น 7% qoq เป็น 4.3 พันล้านบาท หนุนจากจำนวนผู้ป่วยโควิดสูงขึ้น (การตรวจ RT-PCR, ผู้ป่วยใน, การกักตัวที้บ้าน, ฮอสพิเทล [ประกันสังคม] และผู้ป่วยจ่ายเอง และการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา) แม้ราคาค่ารักษาจะลดลง รายได้จากการดำเนินงานปกติ (รายได้ไม่เกี่ยวกับโควิด, ประกันสังคม และรายได้เกี่ยวกับโควิดของผู้ป่วยจ่ายเอง) ทรงตัวที่ระดับ 2.8 พันล้านบาท

อัตรากำไรลดลง qoq จากระดับสูงสุดในไตรมาส 4/64 ได้แก่ อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 11.8% เป็น 45.1%, EBITDA ลดลง 12.7% เป็น 41.9% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลง 7.8% เป็น 28.6% ในไตรมาส 1/65 เป็นผลจากการลดราคาเบิกจ่ายของการรักษาผู้ป่วยโควิด และไม่มีรายได้ส่วนเกินที่รับรู้ในไตรมาส 4/64

ส่วน CHG ไตรมาส 1/65 กำไรปกติเติบโตก้าวกระโดด 439% yoy, แต่ลดลง 25% qoq เป็น 1.4 พันล้านบาท กำไรสูงกว่าประมาณการและ consensus โดยรายได้และอัตรากำไรลดลง รายได้ลดลง 8% qoq เป็น 3.6 พันล้านบาท จากรายได้เกี่ยวกับโควิดลดลง 10% qoq เป็น 2 พันล้านบาท (ผู้ป่วยในและกักตัวที่บ้าน 1.5 พันล้านบาท, ฉีดวัคซีน 248 ล้านบาท และการตรวจโควิดและสถานที่กักตัวทางเลือก [AQ] 200 ล้านบาท) เป็นผลจากการลดราคาเบิกจ่ายและยกเลิกมาตรการ UCEPCOVID (สนับสนุนให้กักตัวที่บ้าน) แม้จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 52.3% ในไตรมาส 1/65 จากระดับสูงสุดที่ 60.6% ในไตรมาส 4/64 และอัตรา EBITDA เป็น 51.1% จาก 61.8% เป็นผลจากการประหยัดจากขนาดลดลง งบดุลแข็งแกร่งบริษัทมีสถานะเงินสดสุทธิ (net cash) 3.5 พันล้านบาท ในมี.ค. และ net gearing ที่ -0.1 เท่า รวมถึงมีลูกหนี้และรายได้ค่ารักษาค้างจ่ายที่ 3.1 พันล้านบาท