MINT ขาดทุน Q1/65 ลดเหลือ 3.7 พันลบ. โรงแรม-ร้านอาหารทั่วโลกฟื้นตัวแรง

HoonSmart.com>> “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” เปิดงบไตรมาสแรกปี 65 ขาดทุนสุทธิ 3,793 ล้านบาท ลดลง 48% จากงวดปีก่อน รายได้ 20,701 ล้านบาท เติบโต 66% รับธุรกิจโรงแรมร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังผ่อนคลายมาตรการคุมระบาดโควิด หนุนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น มองแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริโภคฟื้นตัวดีต่อเนื่อง หนุนธุรกิจเติบโตในครึ่งปีหลัง

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 3,793.73 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.80 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 7,249.72 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.47 บาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 20,701 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอัตรา 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหากไม่นับรวมผลกระทบจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งย้ายธุรกิจรับจ้างผลิตของไมเนอร์ไลฟ์ สไตล์ ไปอยู่ภายใต้การดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ด ทั้ง 3 หน่วยธุรกิจของบริษัทจะมีรายได้ที่เติบโตขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการผ่อนคลายข้อจำกัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเกือบทุกภูมิภาคหลัก ส่งผลให้มีกิจกรรมการเดินทางที่สูงขึ้น จำนวนลูกค้าในร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น และสภาพแวดล้อมการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกที่ฟื้นตัวขึ้น

ในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) จากการดำเนินงานเติบโตมากกว่า 5 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2,737 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ ประกอบกับฐานการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นของบริษัท

ทั้งนี้ EBITDA จากการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมพลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกและเติบโตขึ้น ในขณะที่ EBITDA จากการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารและไลฟ์ สไตล์ยังคงเป็นบวกในไตรมาส 1 ปี 2565

บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง เป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของไมเนอร์โฮเทลส์และผลกำไรที่พลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกของไมเนอร์ ไลฟ์ สไตล์ ในขณะที่ไมเนอร์ฟู้ดยังมีกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของผลกำไรบริษัทจะแข็งแกร่งกว่านี้ หากไม่รวมผลกระทบจากการปิดประเทศในประเทศจีน และส่วนขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการปรับมูลค่าเงินกู้ของโรงแรมในประเทศศรีลังกาท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ

อย่างไรก็ตามหากรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว บริษัทฯ มีรายได้ตามงบการเงินเติบโตในอัตรา 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่จำนวน 20,727 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2565 ในขณะที่ EBITDA พลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกอยู่ที่จำนวน 2,605 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2565 เมื่อเทียบกับ EBITDA ที่เป็ นลบจำนวน 1,515 ลา้นบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

พร้อมมองแนวโน้มในอนาคต แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนและข้อจำกัดทางการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในบางประเทศในช่วงต้นปี 2565 แต่ข้อจำกัดได้ผ่อนคลายลงภายในช่วงปลายไตรมาส 1/2565 โดยหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ของการระบาดด้วยการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโรค COVID-19 ให้มากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการบริโภคมีแนวโน้มของการฟื้นตัวที่ดีต่อไปในอนาคต

ด้านสภาพคล่องบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนเม.ย.2565 มีเงินสดในมือจำนวน 2.0 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อ 3.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะยังคงมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งต่อไป จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งหลังหลังของปี 2565