หุ้นเด้งเหนือ1,600 แค่เทคนิคเคิลรีบาวด์ ไม่ต้องรีบซื้อ แนะเทรดดิ้งตัวใหญ่ กำไรโต

HoonSmart.com>>หุ้นพลิกล็อกหลุด 1,600 จุดแล้วเด้งกลับแรง 18.29 จุด ตามตลาดต่างประเทศรีบาวด์กันทั่วหน้า ลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนวันพุธนี้ ต่างชาติซื้อ 2,430 ล้านบาท บล.ฟินันเซียฯคาดแกว่งออกด้านข้าง บล.กสิกรไทยแนะแค่เทรดดิ้งตัวใหญ่ 3 ธีม กำไรไตรมาส 2 ดีต่อ เปิดเมือง BEM, MAJOR บาทอ่อนหนุนส่งออก บล.โนมูระฯเชียร์ หุ้นผ่านการปรับฐานแล้ว พลังงานต้นน้ำ กลุ่มประกันรับดอกเบี้ยขาขี้น หุ้นเทคฯพื้นฐานแกร่ง  

วันที่ 10 พ.ค.2565 เป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศพร้อมใจกันเทคนิคเคิลรีบาวด์ ตลาดยุโรป-ดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก ระหว่างวันหลุดจุดสำคัญ ดัชนีหุ้นไทยลงต่ำสุดในปีนี้ที่ 1,592.64 จุด ก่อนดีดกลับแรงและเร็วปิดที่ 1,622.78 จุด เพิ่มขึ้นถึง 18.29 จุด หรือ +1.14% มูลค่าซื้อขาย 83,382.43 ล้านบาท ฝีมือต่างชาติซื้อหนาแน่น 2,430.39 ล้านบาท สถาบันไทยซื้อเล็กน้อย 301.67 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 1,639.67 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,092.39 ล้านบาท

ด้านราคาเหรียญบิทคอยน์หลุด 30,000 ดอลลาร์ แต่เด้งขึ้นเคลื่อนไหว 31,500.60 ดอลลาร์ +1,422.40 (4.73%) ณ เวลาประมาณ 18.25 น.

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียรีบาวด์ตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวขึ้น  หลังตลาดได้เข้าเขต Oversold มา 1-2 วัน จึงเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ รอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในคืนวันพุธนี้  ถ้าออกมาสูงขึ้นเกินคาดก็จะเกิดแรงขายได้ อีกทั้งยังรับแรงกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)งวดไตรมาส 1/65 และติดตามตัวเลข GDP ที่จะออกมาในวันที่ 17 พ.ค.นี้

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 11 พ.ค.2565 ตลาดคงจะแกว่งออกด้านข้าง โดยมีแนวรับ 1,600-1,595 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,630 จุด

บล.กสิกรไทยเผยตลาดที่เด้งขึ้นแรง เพราะยังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ประเมินแถว 1,585 จุด ได้กลุ่มบวกนำตลาด อาทิ 3 หุ้นใหญ่ในกลุ่ม ICT กลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD), กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, HMPRO) ส่วนกลุ่มพลังงาน (PTTEP, BANPU, TOP) ปรับตัวลงตามทิศทางราคาพลังงาน

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและไม่มีหุ้น ชะลอการลงทุน รอเก็งกำไรในช่วงปลายสัปดาห์ หลังประกาศเงินเฟ้อสหรัฐ ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำไม่เพิ่มพอร์ต เน้นเทรดดิ้ง กลุ่ม Defensive เน้นหุ้นขนาดใหญ๋ มีปัจจัยหนุนเฉพาะ อาทิ แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2565 จะดีต่อ อาทิ PTTEP, CPALL, BH, BDMS, PR9 , AWC, CENTEL, MINT, SHR, AOT, CPN, DTAC, PSL, RBF, TVO, EPG , ธีมเปิดเมือง BEM, MAJOR , ธีมแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าหนุนหุ้นส่งออก (ASIAN, SAPPE, GFPT, EPG) ขณะเดียวกันให้ชะลอการลงทุนกลุ่มปิโตรเคมี,อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ รวมถึง หุ้นกลาง-เล็กที่ Valuation แพง P/E สูง

บล.โนมูระ พัฒนสินคาดตลาดระยะสั้น ยังอยู่ในช่วงการค้นหาฐานจากความกังวลการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดทั่วโลกอยู่  ให้เน้นหุ้น Defensive หรือหุ้นผ่านการปรับฐานแล้ว ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, SAPPE, KCE, AU, ASIAN, GFPT, MEGA)  หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มที่มีกำไรไตรมาส 1/2565 ดี (CPALL, SABINA, AP, SAPPE, CHAYO) หุ้นจำหน่ายสินค้าจำเป็น+ต้านเงินเฟ้อ (MAKRO) หุ้นพลังงานต้นน้ำ (PTTEP, TOP, BCP), กลุ่มประกันบวกจากดอกเบี้ยขาขี้น (TIPH, BLA, THREL) ส่วนหุ้นเทคฯ ไทยที่มีพื้นฐานแกร่ง JMT, JMART KCE, BE8, BBIK, INSET