“ตาชำนิ” โปรดักชั่นเฮาส์สุดปัง !! ผู้นำครีเอทีฟ -มุ่งสู่องค์กรยั่งยืน

HoonSmart.com>>“ตาชำนิ-CEYE” โปรดักชั่นเฮ้าส์ ชั้นนำของประเทศ ผู้นำครีเอทีฟ คอนเทนต์โฆษณา ครบวงจร โชว์ความเก๋าของ “น้าชำนิ” ช่างภาพอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย สู่องค์กรที่ยั่งยืน พร้อมแล้วเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ

เชื่อว่านักลงทุนในตลาดหุ้นที่ได้ยินชื่อ บริษัท ตาชำนิ  (CEYE ) จำกัด (มหาชน) แล้ว ต้องเกิดคำถามขึ้นทันทีว่า บริษัทชื่อแปลก  ๆ นี้ทำอะไร ทำไมต้องชื่อ “ตาชำนิ “ ชื่อมีเยอะแยะ ไม่เอามาตั้ง

ชื่อนี้มีที่มา-ที่ไป ที่ไม่ธรรมดาอย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้น !!!!

“ตาชำนิ” มีที่มาจากชื่อของ “ชำนิ ทิพย์มณี” ที่วงการช่างภาพ เอเจนซี่ เรียกขานขนานนามว่า “น้าชำนิ” ช่างภาพมือ 1 ของไทย ชาวสงขลา จบการถ่ายภาพจาก Istituto Europeo Di Design โรม อิตาลี

เมื่อช่างภาพเบอร์ 1 ของไทย  มาเจอกับ “สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์”  สาวสุดครีเอท จากคณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยร่วมงานกันตั้งแต่ทั้ง 2 คน ร่วมงานถ่ายหนังโฆษณาให้กับห้างเซ็นทรัล  และอีกหลาย ๆ งาน ก่อนที่ “สุวรรณี” หรือ โอลีฟ จะมาร่วมงานกับ “น้าชำนิ” เธอเคยอยู่บริษัท หับโห้หิ้น บางกอก จำกัด  บริษัทผลิตภาพยนตร์ สั่งสมประสบการณ์กระทั่งออกมาร่วมกับ “น้าชำนิ” จัดตั้งบริษัท ตาชำนิ จำกัด เมื่อปี 2535 ซึ่งขณะนี้มีอายุถึง 30 ปี

“สุวรรณี” เล่าว่า มีความคิดเข้าระดมทุนในตลาดทุน จากความกลัวและกังวล เพราะการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว องค์กรต้องปรับตัวและอยู่ให้ได้อย่างยั่งยืน จึงเห็นโอกาสการระดมทุนต่อยอดธุรกิจ เช่น การสร้างอาการสำนักงานแห่งใหม่  , การลงทุนอุปกรณ์การผลิต ตลอดจนการผลิตคอนเทนต์เพื่อการ สื่อสาร สร้างรากฐานแพลตฟอร์มสื่อโฆษณาและโปรดักชั่น ให้เป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา สร้างความสะดวกในการติดต่อกับลูกค้าหรือเอเจนซี่

เธอเล่าอีกว่า “คุณชำนิ” เป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่สำคัญ เป็นผู้นำช่างภาพอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย จึงเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจเรื่องคุณภาพ ความคุ้มค่า งานตรงเวลา แต่ปัจจุบัน “ตาชำนิ” มีช่างภาพประจำที่ชำนาญการถ่ายภาพ 3 คน , ช่างภาพฟรีแลนด์ 10 คน ทีมงานผู้กำกับ 5 คน แต่งภาพ 10 คน พนักงานรวมทั้งบริษัท 110 คน

” การมีทีมงานครีเอทีฟ , ช่างภาพถ่ายภาพนิ่งและถ่ายภาพเคลื่อนไหว รวมทั้ง ผู้กำกับ เป็นทีมงานที่แข็งแกร่งขององค์กร เราทำงานกันเป็นทีม มีทีมที่เก่ง เราพยายามสร้างองค์กรให้ยั่งยืน ต่อจากนี้ไป จาก 30 ปีไปถึง 100 ปี ” เธอพูดอย่างมีความหวัง

เพราะเธอยอมรับว่า จุดแข็งของ “ตาชำนิ” คือ ประสบการณ์ ชื่อเสียงที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัท เอเจนซี่โฆษณาในประเทศและต่างประเทศถึง 70% , เจ้าของสินค้า-บริการ 30%  บริษัทมีทีมงานเป็นของตัวเอง ทำให้แข่งขันเรื่องเวลาผลิตชิ้นงานได้ จึงถือเป็นบริการครบวงจร อีกทั้งมีการผลิตออนไลน์มีเดีย เองด้วย

แต่จุดอ่อนของบริษัท ที่ต้องปิดให้ได้  คือ  การขยายแพลตฟอร์ม โดยให้โปรดักชั่นเฮ้าส์ เป็นจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองไทย แต่สามารถผลิตงานออกไปได้ทั่วโลก ทดแทนการไปเปิดสาขาในต่างประเทศ ซึ่งใช้เงินลงทุนสูง

ขณะเดียวกันพยายามขยายธุรกิจเข้าสู่ต้นน้ำมากขึ้น ผลักดัน “ตาชำนิ ” เป็นครีเอทีฟ เอเจนซี่ ลูกค้ามาที่ “ตาชำนิ” ที่เดียวจบครบทุกบริการ ทั้งการคิดคอนเซปต์งาน , การผลิต, ตลอดจนช่องทางการเผยแพร่ผลงานในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งบริษัท มีคอนเทนต์ออนไลน์ ปัจจุบันมี 5 สื่อ คือ SPECTRUM เนื้อหาความหลากหลายทางเพศ ความเท่าเทียมกันของกลุ่ม LGBT

สื่อ Love like laugh เนื้อหาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน การใช้ชีวิต กินอยู่ สำหรับชาวกัมพูชา ที่ต้องการมาเที่ยว ทำงาน หรือเรียนในไทย , สื่อ Shifter เนื้อหาเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรมที่ไม่อยู่ในกระแส  เน้นกลุ่มเป้าหมายวัย Millenial หรือ สื่อ Land Mark เนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน การท่องเที่ยว และกิจกรรมที่แปลกใหม่ของ “หมาก ปริญ” ในการเปิดประสบการณ์และมุมมองใหม่ ๆ

ส่่วนนักลงทุน สามารถ ติดตามหุ้น “ตาชำนิ” หรือ CEYE โปรดักชั่นเฮ้าส์ รายแรกของไทยในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ปลายสัปดาห์เม.ย.นี้ กับจำนวนหุ้นเล็กน้อยเพียง 70 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก ( IPO ) 3.86 บาท โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ เป็นที่ปรึกษาการเงิน