HoonSmart.com>> ผู้ถือหุ้น “เวิลด์เฟล็กซ์” อนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 64 ส่วนที่เหลือ 0.245 บาท เตรียมรับทรัพย์ 5 พ.ค.นี้ รวมทั้งปีปันผล 0.465 บาท มูลค่ากว่า 215 ล้านบาท ฟาก “เอ็มดี” ลั่นเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตคาดเสร็จเร็วกว่าเป้าหมาย เน้นกลยุทธ์เชิงรุก บุกตลาดตรงเข้าสู่ End Users ลุยขยายทวีปอเมริกาใต้ และยุโรป เพื่อดันมาร์จิ้นให้เพิ่มขึ้น หนุนรายได้ปีนี้โตเข้าเป้าระดับ 10-15%
นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.245 บาท (ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 113.72 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลมากกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่กำหนดจ่าย 1 ใน 3 โดยมีวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อรับเงินปันผลและวันจ่ายเงินปันผล คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 11 มี.ค.2565 และบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลประจำปีดังกล่าวในวันที่ 5 พ.ค.2565
ทั้งนี้ บริษัทได้แจ้งให้ทราบการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งได้จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2565 ในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท (ก่อนหักภาษีณ ที่จ่าย) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 102.14 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ม.ค.2564 – 30 ก.ย.2564 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2564 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.256 รวมเงินปันผลจ่ายจากผลประกอบการของปี 2564 รวมคิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.465 บาท (ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) รวมเป็นเงิน 215.85 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 60% ของกำไรสุทธิของงบการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลมากกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่กำหนดจ่าย 1 ใน 3
“การจ่ายเงินปันผลในส่วนที่เหลือก็เพื่อเป็นการตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง สำหรับในปี 2565 บริษัทฯยังมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน” นายณัฐ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโต 10-15% ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งอาจจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดการเดิม ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565โดยจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟสรวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 35,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากคลี่คลายจาก COVID-19 ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ซึ่งมีการชะลอตัวในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม จึงมีมากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่กลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้ น่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องได้อีกในระยะยาว