BAY กำไร 7,418 ลบ.โต 14% สำรองลดลง Q1/65

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเผยกำไรสุทธิไตรมาสแรก 2565 จำนวน 7,418 ล้านบาท  ดีขึ้นจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น ปล่อยสินเชื่อรวมโต 2%  สนับสนุนการฟื้นฟูภาคธุรกิจ

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 1/2565 มีกำไรสุทธิ 7,418 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.01 บาท เพิ่มขึ้น 913 ล้านบาทหรือประมาณ 14% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,504.86 ล้านบาท หรือ 0.88 บาทต่อหุ้น และเพิ่มขึ้นจำนวน 1,033 ล้านบาท หรือ 16.2% จากไตรมาส 4/2564 เนื่องจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า กรุงศรีมุ่งมั่นสานต่อพันธกิจหลักเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูภาคธุรกิจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้เผชิญความท้าทายของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ เงินให้สินเชื่อรวมยังคงเติบโต 2.0% หรือจำนวน 38,194 ล้านบาท จากสิ้นปี 2564  จากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเติบโตถึง 3.9% และ 4.0% ตามลำดับ สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ดีขึ้น กอปรกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันตัวชี้วัดด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 2.03% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 191.6%

ส่วนเงินฝากเพิ่มขึ้น 2.8% หรือจำนวน 50,041 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์ สะท้อนการปรับตัวดีขึ้นของสัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อเงินรับฝากทั้งหมด ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.28% ลดลงเทียบกับ 3.41% จากไตรมาสก่อนหน้า รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ลดลงจำนวน 502 ล้านบาท หรือ 5.7% โดยมีปัจจัยหลักมาจากลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้าตามฤดูกาล

ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ดีขึ้นอยู่ที่ 42.7% ลดลงจาก 43.9% ในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เป็นไปตามเป้าหมายสำหรับปี 2565 ในช่วงกลางของ 40% อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ดีขึ้นอยู่ที่ 2.03% เทียบกับ 2.20% ณ สิ้นปี 2564 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 191.6% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 184.2% สิ้นปี 2564

ธนาคารมีเงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 291.34 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 18.25% ของสินทรัพย์เสี่ยง เทียบกับ 18.53% ณ สิ้นปี 2564 โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 13.32%

ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.93 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.83 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.61 ล้านล้านบาท