HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดลบ 7.54 จุด ซึมลงคล้ายตลาดต่างประเทศ หลังใกล้หยุดยาวช่วงสงกรานต์ วอลุ่มเทรดแผ่วลง แต่มีกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นเด่นจากเป็น Defensive ที่เป็นหลุมหลบภัยที่ดีในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น-สหรัฐเตรียมลดขนาดงบดุล นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 396.16 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,581.10 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้แกว่งแคบ โดยมีแนวรับ 1,675 แนวต้าน 1,690 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 11 เม.ย.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,678.46 จุด ลดลง 7.54 จุด หรือ -0.45% มูลค่าซื้อขาย 62,755.06 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,685.95 จุด ต่ำสุด 1,675.95 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 396.16 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 810.34 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,581.10 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 374.60 ล้านบาท
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ซึมคล้ายตลาดต่างประเทศที่แกว่ง Sideway ถึง Sideway Down ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงแรงถึง 2.5% หวั่นผลกระทบหลังเซี่ยงไฮ้มีการล็อกดาวน์ จากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เร่งตัวขึ้นกดดัน โดยตลาดใกล้จะหยุดระยะยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุน เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายบาง
ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้นเด่น จากที่เป็น Defensive ในการเป็นหลุมหลบภัยที่ดีในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น และการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ของสหรัฐฯ
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 12 เม.ย.2565 ตลาดคงจะแกว่งแคบ โดยมีแนวรับ 1,675 จุด แนวต้าน 1,690 จุด พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -1.26% มูลค่าซื้อขาย 2,726.26 ล้านบาท
EA ปิดที่ 86.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -0.86% มูลค่าซื้อขาย 2,584.35 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 25.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +3.00% มูลค่าซื้อขาย 1,832.72 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ +2.10% มูลค่าซื้อขาย 1,383.05 ล้านบาท
KCE ปิดที่ 61.00 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ -3.56% มูลค่าซื้อขาย 1,364.93 ล้านบาท