บล.ไทยพาณิชย์คัด 5 หุ้นเด่น Q2/65 ประเมินพื้นฐานดัชนีปีนี้ 1,660 จุด

HoonSmart.com>> บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินวัฏจักรเศรษฐกิจโลกและไทยได้เปลี่ยนจากภาวะ reflation เข้าสู่ภาวะ stagflation ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ประเมินมูลค่าพื้นฐาน SET Index ปีนี้ที่ 1,660 จุด คาดไตรมาส 2/65 หุ้นปรับฐานเล็กน้อย ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,550-1,780 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะหุ้นที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูงและมาร์จิ้นมีเสถียรภาพ เสิร์ฟ 5 หุ้นเด่น AOT-BDMS-CRC-GULF-PTTEP


นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลทำให้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตลงและทำให้เส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้วัฏจักรเศรษฐกิจเปลี่ยนจากภาวะ reflation เข้าสู่ ภาวะ stagflation ทั้งนี้แม้ว่าโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2565 จะมีมากขึ้น แต่จะเกิดภาวะถดถอยที่ไม่รุนแรง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันไม่ได้มีความไม่สมดุลมากจนต้องแก้ไขให้เกิดความสมดุลควบคู่ไปกับการผ่อนคลาย ข้อจำกัดการเดินทางและการเปิดประเทศ

สำหรับเป้าหมาย SET Index ปี 2565 อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1,660 จุด เข้าซื้อที่ 1,550 – 1,600 จุด ขณะที่ระดับขายทำกำไรอยู่ที่สูงกว่า 1,780 จุด โดยคาดว่า SET จะปรับฐานเล็กน้อยในไตรมาส 2/2565 เพื่อซึมซับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ขณะที่ครึ่งหลังของปี 2565จะมีโมเมนตั้มที่ดีขึ้นซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวหลัง COVID-19 คลี่คลาย ประกอบกับฐานต่ำของปีก่อนมีโอกาสสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ Sell in May โดยการย่อตัวลงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้าง position เนื่องจากเศรษฐกิจไทยดูเหมือนจะเกิดภาวะ quasi – reflation ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

ด้านเศรษฐกิจไทยผลกระทบจากวิกฤตรัสเซียโดยตรงอาจไม่มากนัก แต่ผลกระทบโดยอ้อมผ่านราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกับเงินเฟ้อและนโยบายการเงินมากกว่า วิกฤตพลังงานทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเป็นความเสี่ยงด้านนโยบายที่อาจส่งผลทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดย SCBS คาดธปท.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 0.25% ในครึ่งหลังของปี 2565

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.63% ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ย่อมมีมากขึ้น ส่วนความเสี่ยงด้านการส่งผ่านทางการเงินมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ แต่ความเสี่ยงในการโอนย้ายและการปรับโครงสร้างพอร์ตลงทุนอาจต้องใช้เวลาในการจัดการ SCBS มองว่าหุ้นเชิงรับจะปรับตัว outperform ได้อย่างต่อเนื่อง หุ้นพลังงานต้นน้ำเป็นตัวเลือกที่ดีในการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อสูง โดยยังคงชอบหุ้นคุณภาพที่มีค่า beta ต่ำเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน

กลยุทธ์การลงทุน มองภาพรวมปี 2565 เน้นไปที่ธีมมหภาคและจุลภาคประกอบด้วย 1) หุ้นที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูง (มาร์จิ้นสูงและมีเสถียรภาพ) 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ 3) หุ้นเติบโตที่มีราคาสมเหตุสมผล และ 4) หุ้นคุณภาพ ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นเชิงรับเพื่อยึดหลักความระมัดระวังในช่วงที่มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูงโดยเชื่อว่าหุ้น domestic ที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูงและงบดุลแข็งแรงน่าจะได้รับความสนใจมากกว่าหุ้นที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกหนักกว่าหุ้น domestic

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันและเงินเฟ้อสูง โดยหุ้นเด่นในไตรมาส 2/2565 คือ AOT, BDMS, CRC, GULF และ PTTEP

สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัว

• AOT : เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งคาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวดีขึ้นจากแผนเดินหน้าสู่การเปิดประเทศ ขณะที่ Valuation น่าสนใจ หลังราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรดต่ำกว่าก่อนเกิด COVID-19 อยู่ 12%

• BDMS : ทนทานความผันผวนของตลาดได้ดีและมีพื้นฐานแกร่ง โดยปี 65 คาดกำไรเติบโต 21%YoY จากจำนวนผู้ป่วย ทั้งไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย

• CRC : คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ในปี 2565 จากยอดขายค้าปลีกและรายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัว การขยายสาขาเชิงรุก และอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและไม่มีการล็อกดาวน์

• GULF : แนวโน้มกำไรขยายตัวต่อเนื่องจากกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าใหม่ IPP ที่มีความเสี่ยงต่ำด้านต้นทุนพลังงาน
และการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัล

• PTTEP : ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ Brent +5.3%DoD WTI +5.2%DoD หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวจากการระงับส่งออกน้ำมันของบริษัท CPC ในคาซัคสถานซึ่งเสียหายจากพายุ