ดาวโจนส์ปิดร่วง 550 จุด ดัชนี PCE พุ่งรอบ 40 ปี วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 550 จุด กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พุ่งรอบเกือบ 40 ปี ด้านการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมีความไม่แน่นอน ราคาน้ำมันดิ่งกว่า 7% หลังสหรัฐฯ์ ยืนยันระบายน้ำมันจากคลังสำรอง ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 31 มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,678.35 จุด ลดลง 550.46 จุด หรือ 1.56% เป็นการปิดไตรมาสแรกของปีในแดนลบ

นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ และการตอบสนองของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,530.41 จุด ลดลง 72.04 จุด, -1.57%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,220.52 จุด ลดลง 221.76 จุด, -1.54%

ในไตรมาสแรก ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 4.6% ดัชนี S&P 500 ลดลง 4.9% ดัชนีลดลง 9% เป็นไตรมาสที่อ่อนตัวมากสุดตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2020 จากปัจจัยการเริ่มขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เงินเฟ้อสูงและการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้ระหว่างยูเครนและรัสเซียลดลง หลังจากอย่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียประกาศว่า ต่างชาติที่ซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียจะต้องชำระเงินเป็นสกุลรูเบิลเท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน และจะระงับสัญญาการซื้อก๊าซหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข

นักลงทุนประเมินการตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่นำน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาใช้ครั้งแรกวันละ 1 ล้านบาร์เรลเพื่อบรรเทาราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ยังกังวลว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปีนับตั้งแต่เดือนเมษายน 1983 โดยดัชนี PCE พื้นฐานเดือนกุมภาพันธ์ ไม่รวมอาหารและพลังงาน และเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่า 5.5%ที่นักวิเคราะห์คาดเล็กน้อย

เคน โพลคารี Manager partner จากKace Capital Advisors กล่าวว่า ดัชนีเลข PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่เฟดใช้ แม้จะตรงตามคาด แต่ก็สูงกว่าเดือนที่แล้ว และความรู้สึกคือจะสูงขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ตลาดจึงอ่อนตัวลง และจะยิ่งย้ำสถานะการดำเนินนโยบายเชิงรุกด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.50%ของเฟดมากขึ้น

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นมาที่ 202,000 รายหลังจากที่ลดลงไปที่ระดับต่ำสุดรอบ 50 ปี และสูงกว่า 196,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯที่จะเผยแพร่ ในวันศุกร์ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 490,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 678,000 รายและอัตราการว่างงาน 3.8%

หุ้นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวลง จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดพีซีที่ชะลอตัว โดยหุ้น AMD ลดลง 8.29% จากธนาคารบาร์เคลย์สปรับลดคำแนะนำการลงทุนเป็น Equal Weight จาก Overweight หุ้น HP ลดลง 6.54% และหุ้น Dells ลดลง 7.60% จากมอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคำแนะนำการลงทุนของทั้งสองบริษัทเป็น Equal Weight จาก Overweight

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมัน WTI ลดลง 7% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 1.09% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.42% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.60%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เป็นการปิดรอบ 3 เดือนแรกของปีที่แย่ที่สุดในรอบ 2 ปี จากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน

นักลงทุนผิดหวังที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนไม่คืบหน้า

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 455.86 จุด ลดลง 4.33 จุด, -0.94%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,515.68 จุด ลดลง 63.07 จุด, -0.83%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,659.87 จุด ลดลง 81.72 จุด, -1.21%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,414.75 จุด ลดลง 191.30 จุด, -1.31%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 7.54 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 100.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 5.54 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 107.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังสหรัฐฯ์ ยืนยันระบายน้ำมันจากคลังสำรอง จำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและบรรเทาภาวะเงินเฟ้อในประเทศ