แฉต้นเหตุ TEAMG ซิลลิ่ง 2 วัน ‘ธีระชัย’ บิ๊ก ‘คิทโต้’ โผล่ถือหุ้นใหญ่สุด 11%

HoonSmart.com>>”ธีระชัย รัตนกมลพร” ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง DITTO ทุ่มเงิน 293 ล้านบาท ดอดซื้อหุ้น “TEAMG ” 2 วันติด 29 มี.ค.กวาดไป 50 ล้านหุ้น 30 มี.ค.เก็บอีก 16 ล้านหุ้น รวมกับหุ้นในมือ ผงาดขึ้นเป็นเบอร์1 สูงกว่า 11% วอลุ่มเทรดสนั่นวันละ 1-2 พันล้านบาท ดันราคาชนซิลลิ่ง ลงทุนไม่กี่วันฟันกำไรเนาะ ๆ 89 ล้านบาท ตลาดสั่งให้ชี้แจงสาเหตุ บริษัทยืนยันไม่มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาการซื้อขายหุ้น

นาย ธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งของบริษัทดิทโต้ (DITTO) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 29 มี.ค. 2565 ได้หุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) จำนวน 50.49 ล้านหุ้น หรือ 7.4255% ทำให้มีหุ้นจำนวน 64 ล้านหุ้น หรือ 9.4117% ทั้งนี้ราคาได้มาสูงสุด 4.36 บาท/หุ้น และวันรุ่งขึ้น ( 30 มี.ค.) ซื้อเพิ่ม 16 ล้านหุ้น หรือ 2.3529% รวมทั้งสิ้น 80 ล้านหุ้น หรือ 11.7647% ของทุนเรียกชำระแล้ว ราคาสูงสุดได้มาที่ 4.58 บาท

เดิมนายธีระชัย ถือหุ้น TEAMG เพียง 13.51 ล้านหุ้น หรือ 1.9862 % ก่อนที่จะเข้าซื้อหุ้น 2 ล็อตใหญ่จำนวน 66.49 ล้านหุ้น ใช้เงินลงทุนวันแรกสูงถึง 220 ล้านบาท หากใช้ราคาสูงสุดที่ได้มา 4.36 บาท และซื้ออีก 73 ล้านบาท จากราคาสูงสุด 4.58 บาท ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดจำนวน 11.7647% จากโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 10 มี.ค.2565 มีบริษัท เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส ถือหุ้นอันดับหนึ่งจำนวน 67 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.90% เท่านั้น

สำหรับบริษัทเน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส เป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เพิ่งเข้าซื้อหุ้นบิ๊กล็อตจากผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ราย รวม 67 ล้านหุ้น ในราคา 2.54 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564

การเข้าซื้อหุ้นของนาย ธีระชัย  เมื่อวันที่ 29 มี.ค. จำนวน 50.49 ล้านหุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น TEAMG พุ่งแรง 1 บาท หรือ 29.76% ปิดที่ระดับซิลลิ่ง 4.36 บาท ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 1,851 ล้านบาท วันที่ 30 มี.ค. ราคาเพิ่มขึ้นเพียง 0.10 บาทหรือ 2.29%ปิดที่ 4.58 บาทท่ามกลางมูลค่าซื้อขายมากถึง 2,563.75 ล้านบาท และวันที่ 31 มี.ค. ราคาหุ้นปิดที่ซิลลิ่ง 5.75 บาท พุ่งขึ้น 1.29 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,890 ล้านบาท นับว่าผิดปกติมากเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา บางวันมูลค่าซื้อขายไม่ถึง 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ นาย ธีะชัยใช้เงินลงทุนครั้งนี้ประมาณ 293 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับกำไรประมาณ 89 ล้านบาท เทียบกับราคาหุ้นปิดซิลลิ่งที่  5.75 บาท

ตลาดหลักทรัพย์ ได้สั่งให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญของบริษัท เนื่องจากปริมาณและราคาการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ วันที่ 30 มี.ค. 2565 บริษัทชี้แจงว่าไม่มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ทั้งนี้ หากบริษัท
มีข้อมูลหรือพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของราคาหลักทรัพย์ บริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไป