HoonSmart.com>>ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง มั่นใจผลงานปี 65 เติบโตต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะ 11 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์ เต็มปี เตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน-บันนังสตา ภายในไตรมาส 2/65 หนุนรายได้ปีนี้โต 30-40%
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 คาดว่า ยังมีการเติบโตที่ดี สามารถทยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ รวม 11 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP , PTG ,TPCH 5 , TPCH 1 ,TPCH 2 และโรงไฟฟ้าขยะ SP มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์
“เราประเมินผลงานในปีนี้ คาดว่า ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ที่ได้รับราคาค่าไฟค่อนข้างสูง รวมถึงโรงไฟฟ้าชีวมวลเดิมทั้ง 10 แห่ง ขณะเดียวกัน การเดินเครื่องของ โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ ,TPCH 1 , TPCH 2 , TPCH 5 มีความเสถียรมากขึ้น รวมทั้ง การเตรียม COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล อีก 2 แห่ง มั่นใจว่า จะช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้ให้เติบโตที่ 30-40% ได้” นางกนกทิพย์กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง กล่าวว่า TPCH เตรียมพร้อมที่จะ COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล บันนังสตา กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 2/65 อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอีกประมาณ 4-6 แห่ง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) โดย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวม 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล ชีวภาพ ขนาด 200 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
“ในปี 65 นี้ TPCH ให้ความสำคัญและอยู่ระหว่างการศึกษานโยบายการขับเคลื่อน BCG (Bio-Circular-Green Economy) โดยการนำพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ในปี 2565 ประมาณ 122 เมกะวัตต์ มาทำการซื้อขาย Carbon Credit ในรูปแบบของ I-REC (International Renewable Energy Certificate) ซึ่งเป็นการขอรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและนำ Carbon Credit มาขายเพื่อก่อให้เกิดรายได้จริงในปีนี้ ซึ่งโรงไฟฟ้าชีวมวล 10 เมกะวัตต์ จะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 30,000-40,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ดังนั้นหาก บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า ประมาณ 122 เมกะวัตต์ จะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 400,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ต่อปี และสามารถซื้อขาย I-REC ได้ประมาณ 700,000 I-REC ต่อปี อีกทั้ง ยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจอื่นที่อาจก่อให้เกิดรายได้นอกเหนือจากการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายเชิดศักดิ์ กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) มีรายได้รวม 2,470.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.0% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 1,777.37 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 135.40 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 600.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 471.99 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 เป็นเงินสดอีก 0.053 บาท/หุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 28 เมษายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวด 9 เดือนแรก ในอัตรา 0.343 บาท/หุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 21 เมษายน 2565