ก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง BIS ผู้นำวัคซีน ยา เวชภัณฑ์สัตว์

HoonSmart.com>>ก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง “BIS” ผู้นำเข้า วัคซีน ยาและเวชภัณฑ์สัตว์ โชว์กำไรเติบโตสูงสวนทางอุตสาหกรรม วางแผนขายไอพีโอ 94 ล้านหุ้น ไตรมาส 2 เร่งพัฒนาวัคซีนสัตว์ ตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทไบโอเทคระดับอาเซียน

ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาการเงินของบริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับ 1 ข้อมูลเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (ไฟลิ่ง) ของ BIS แล้ว คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใน Q2/65 นี้  โดยเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 94 ล้านหุ้น หรือ 29.94% ของทุนจดทะเบียน มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

วัตถุประสงค์เพิ่มทุน เพื่อขยายโรงงานการผลิตสินค้าและการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร  สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ และเผลิตวัคซีนเชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BIS กล่าวว่า กลุ่มบริษัทไบโอซายน์ เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์  นานาชาติ ต่อเนื่องกว่า 18 ปี  ซึ่ง BIS เป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์สัตว์หลายแบรนด์ มีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตนเองที่ได้มาตรฐานสากล

บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพสัตว์ครบวงจร คือ 1.ผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product) 2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product) 3. ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product) 4. ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed Product) 5. ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient Product) 6. ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

BIS มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมาก ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารของไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารสูงติดอันดับโลก เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในครัวของโลก  กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่ามูลค่าการส่งออกอาหารจะสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทในปี 2564 และมีปริมาณการผลิตเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคในประเทศและส่งออกมากกว่า 21 ล้านตันต่อปี

สำหรับผลประกอบการ BIS ปี 2564 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,987 ล้านบาท กำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโตจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,784 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท  ซึ่งรายได้และกำไรเติบโตจากสาเหตุปัญหา โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร  (ASF)  อย่างรุนแรง ทำให้มีสุกรตายจำนวนมาก จนกระทบต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรม

โดย BIS มีรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ชุดตรวจโรค ASF และ ชุดตรวจโควิด -19 แบบ RT PCR เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่ม เป็นนวัตกรรมที่ BIS ได้พัฒนาขึ้น ร่วมกับพันธมิตรด้านการวิจัย-พัฒนา โดยเริ่มวางตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา ได้รับความสำเร็จสูง  คาดว่าในปีนี้กลุ่มชุดตรวจโรค  จะมีส่วนสำคัญสร้างรายได้ เพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และ โรค ASF ยังทรงตัวอยู่

นอกจากนี้  ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้มาก จากกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคและ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามิน สำหรับสัตว์ ซึ่งเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ

ทั้งนี้กลุ่ม BIS  มีเป้าหมายขึ้นเป็นเบอร์ 1  ผู้นำอุตสาหกรรมไบโอเทคในไทยและอาเซียน ที่เติบโตยั่งยืนในภูมิภาคนี้  โดยอุตสาหกรรมไบโอเทค เป็น 1 ในอุตสาหกรรม New S Curve ของรัฐบาล โดยมุ่งพัฒนาวัคซีนสัตว์ จำหน่ายวัคซีนและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร ให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง

สำหรับ BIS ก่อตั้งพ.ศ.2547 ทุนจดทะเบียน 157 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 110 ล้านบาท  มีแผนเสนอขาย IPO จำนวน  94 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai