ATP30 ผนึก “ราชาเฟอร์รี่” รับส่งนักท่องเที่ยวรับรู้รายได้ Q4 นี้

ATP30 รุกธุรกิจท่องเที่ยว จับมือ RP ให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวกรุงเทพ – พะงัน เริ่มให้บริการปลายปีนี้ ด้านรถรับส่งนักท่องเที่ยวภาคตะวันออกสัญญาณดี เตรียมเพิ่มกองรถรับไฮซีซั่น ขณะที่ภาพรวมธุรกิจ Q3/61 สดใส มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20% อัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมพัฒนา ATP30BEAM ให้บริการลูกค้าฟรี รองรับ Smart City ในอนาคต

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 (ATP30) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการโดยเฉพาะรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เปิดเผยว่า บริษัทมีการเจรจากับ บริษัท อาร์พี ทรานสปอร์ตเทชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) เพื่อให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพ-เกาะพะงัน ด้วยรถบัส 32 ที่นั่ง จำนวน 2 คัน คาดว่าจะเริ่มให้บริการรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 และหากการดำเนินงานเป็นไปตามแผน บริษัทจะมีการเจรจาในการเพิ่มจำนวนรถและขยายเส้นทางการเดินรถในลำดับต่อไป

ขณะที่การให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวภาคตะวันออก ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ด้วยคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย ส่งผลให้พันธมิตรทั้ง 3 รายให้ความไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และส่งสัญญาณเพิ่มจำนวนรถตามปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่จะทยอยกลับเข้ามาในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 นี้ ซึ่งบริษัทได้เตรียมรถเพื่อรองรับการให้บริการเรียบร้อยแล้ว

“ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 คาดว่าจะเติบโตในเกณฑ์ดี จากจำนวนรถที่ให้บริการเพิ่มกับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จำนวน 20 คัน และมีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวเข้ามาเสริม อีกทั้งมีรถที่หมดค่าเสื่อมรวม 23 คัน นอกจากนี้บริษัทยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรได้ในระดับสูง มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% และรักษาอัตราการทำกำไรไม่ต่ำกว่า 10%” นายปิยะ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ATP30BEAM เพื่อเป็นบริการเสริมให้กับลูกค้าและพนักงานที่ใช้บริการ ให้สามารถตรวจสอบตำแหน่งรถพร้อมกับระบุเวลารับ-ส่งได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ลูกค้าทดลองใช้บริการฟรี ซึ่งแอปพลิเคชัน ATP30BEAM ยังสามารถรองรับการให้บริการ Smart City ที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการให้บริการเพื่อรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ในอนาคตอีกด้วย

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 102.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 83.47 ล้านบาท จำนวน 18.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.32% และมีกำไรสุทธิ 9.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.42 ล้านบาท จำนวน 3.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 71.77%

ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 203.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 163.23 ล้านบาท จำนวน 39.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.40% และมีกำไรสุทธิ 19.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.34 ล้านบาท จำนวน 12.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 169.75%