HoonSmart.com>>หุ้นโลกสดใส ฮ่องกงพุ่งแรงสุด 7% ยุโรปขึ้นมากกว่าลง ดาวโจนส์ล่วงหน้าเริ่มอ่อน หลังวิ่งแรงหลายวัน สบายใจเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ส่งสัญญาณชัดขยับอีก 6 ครั้งปีนี้ ฟันด์โฟลว์ไหลบ่าเข้าไทยตั้งแต่ต้นปี รวม 97,515 ล้านบาท บล.กสิกรไทยสกิดขายแบงก์ อิเล็กฯ ปิโตรเคมี สลับไปซื้อไฟแนนซ์-ไฟฟ้า คาดไตรมาส 2 ตลาดผันผวน เงินบาทจ่ออ่อนหนุนส่งออกอาหาร ส่วนบล.หยวนต้าให้เก็งกำไรอาหารและเครื่องดื่ม
วันที่ 17 มี.ค.2565 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงตามต่างประเทศ ดัชนีปิดที่ระดับ 1,681.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด หรือ +0.83% มูลค่าซื้อขาย 97,760.69 ล้านบาท ฝีมือนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,146.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าเก็บแล้วกว่า 6 พันล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีนี้รวม 97,514.72 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยขายหนัก 5,751.38 ล้านบาท สถาบันขายเพียง 557.26 ล้านบาท
ขณะเดียวกันต่างชาติยังซื้อตราสารหนี้ไทย 2,218 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นตามพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี เพิ่มขึ้นแตะ 2.2% สะท้อนเม็ด
เงินที่ไหลเข้าสู่ตลาดทุน
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นมาแรงยกแผงหลังรัฐบาลประกาศปรับค่าไฟรอบเดือนพ.ค.-ส.ค.ปรับขึ้น 23.38 สตางค์ เป็นหน่วยละ 4 บาท ส่วน PPEP ปรับตัวลง ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ปรับขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกมากมาย ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งๆ ละ 0.25% ในปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดขนาดงบดุล แม้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้จากเดิมที่ 4.0%
ลงสู่ระดับ 2.8% และปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% ตลาดติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)ในคืนนี้และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในพรุ่งนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลง ลดแรงกดดันเงินเฟ้อ และต้นทุนการผลิตของบจ. รวมถึงสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนมีสัญญาณผ่อนคลายลง
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ ตอบรับผลประชุมเฟดที่มีความชัดเจนขึ้นว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 6 ครั้งในปีนี้ แต่ถ้าหากเศรษฐกิจชะลอหรือมีปัญหา ก็อาจจะทำให้เฟดปรับขึ้นไม่ครบ 6 ครั้งก็ได้ และเฟดก็ยังไม่การแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการลดงบดุล ทำให้นักลงทุนผ่อนคลายขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย และยูเครน มีความคืบหน้าในทางบวก สำหรับตลาดหุ้นไทยคาดว่าฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าต่อ เนื่องจากได้แรงหนุนจากเงินบาทแข็งค่า อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย และยูเครน ต่อไป
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 18 มี.ค.2565 ตลาดมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อ จากแรงหนุนฟันด์โฟลว์พร้อมให้แนวรับ 1,677 จุด แนวต้าน 1,700 จุด
นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์เอาชนะตลาด โดยบล.กสิกรไทยแนะนำให้ขายทำกำไรกลุ่มแบงก์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี โยกเข้ากลุ่มไฟแนนซ์ และไฟฟ้าที่ราคาปรับขึ้นช้ากว่าตลาด คาดแนวโน้มตลาดในไตรมาส 2 จะผันผวน ค่าเงินบาทอ่อนกระทบฟันด์โฟลว์ แต่ดีต่อการส่งออกกลุ่มอาหาร ส่วนบล.บัวหลวงแนะนำ 10 หุ้นเด่น มีปัจจัยพื้นฐานดี แนวโน้มกำไรโต และบล.หยวนต้าแนะนำเก็งกำไรกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พอร์ตลงทุนชอบธนาคาร
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าการใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่มในประเทศปี 2565 อาจอยู่ที่ระดับ 2.57-2.59 ล้านล้านบาท หรือขยายตัว 1.9-2.7% เทียบกับปี 2564 ที่ขยายตัว 2.5% ปัจจัยหนุนยังคงมาจากระดับราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นราว 3.1% ตามต้นทุนการผลิตที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี จากความไม่สงบในยูเครนที่ซ้ำเติมปัญหาคอขวดห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลก
นอกจากนี้ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่มยังมีแนวโน้มเผชิญความท้าทายมากขึ้น จากต้นทุนที่เป็นโจทย์เฉพาะหน้า และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและกฎระเบียบที่จะหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้น การยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและบริการตลอดห่วงโซ่ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน