ADD ทุ่ม 140 ลบ.เข้าลงทุนธุรกิจที่ปรึกษาด้านบัญชี ปรับโครงสร้างคาดปิดดีลเม.ย.นี้

HoonSmart.com>> “แอดเทค ฮับ” ทุ่ม 140 ล้านบาท เข้าลงทุน “เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่” (7C) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านบัญชี การควบคุมภายใน และการปรับโครงสร้างกิจการ สัดส่วน 46.7337% คาดปิดดีลแล้วเสร็จ เม.ย.นี้ จ่อบุ๊คกำไรเข้ากระเป๋าตามสัดส่วนการถือหุ้นทันที ชี้ต่อยอดธุรกิจในรูปแบบ Digital Transformation ให้แก่กลุ่มบริษัทที่กำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมส่งซิกเดินหน้าเจรจาเข้าลงทุนกิจการเพิ่ม

นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ (ADD) ผู้ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (7C) จำนวน 9,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือคิดเป็น 46.7337% ของหุ้นสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนของ “7C” โดยจะชำระค่าตอบแทนเป็นเงินสด จำนวน 140.20 ล้านบาท

สำหรับ บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านบัญชี การวางระบบควบคุมภายใน การปรับโครงสร้างกิจการ การควบรวมกิจการ และที่ปรึกษาในการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่บริษัทต่างๆ มากกว่า 30 บริษัท รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่แล้วอีกหลายบริษัท โดยคาดว่าหลังการเข้าทำรายการ “7C” จะมีบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท ดังต่อไปนี้

1 . บริษัท มาย โค๊ดดิ้ง โรแมนซ์ จำกัด (“MCR”) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทย่อยของ 7C โดยเป็นการร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคลากรด้านไอทีและนักลงทุนในธุรกิจไอที เพื่อประกอบกิจการจัดอบรมและจัดให้มีการเรียนการสอนและพัฒนาบุคลากรด้านไอที โดยมี “7C” ถือหุ้นในสัดส่วน 51.00% ของหุ้นทั้งหมดของ “MCR”

2. บริษัท ไท-ไท วิศวกร จำกัด (“TTE”) ซึ่งปัจจุบัน 7C ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ในบริษัท ไท-ไท วิศวกร จำกัด (“TTE”) กับผู้ถือหุ้นเดิมของ “TTE” เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจองซื้อหุ้นใน “TTE” จากผู้ถือหุ้นเดิม โดย “TTE” เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์ในสาขาต่าง ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมในการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาในการดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดย “TTE” มีประสบการณ์ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ จำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น One Bangkok, Central Embassy, Samyan Mitrtown, Singha Complex และ THE FORESTIAS by MQDC เป็นต้น ซึ่งกระบวนการการเข้าลงทุนใน “TTE” ของ “7C” คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 29 เม.ย.2565

“ทั้งนี้ “ADD” ได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อประเมินมูลค่าของ “7C” และ “TTE” เป็นที่เรียบร้อย โดย “7C” มีมูลค่ายุติธรรมส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 224.62 -335.08 ล้านบาท และ “TTE” มีมูลค่ายุติธรรมส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 91.73 – 110.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 316.35 – 445.63 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาตามสัดส่วนการถือหุ้นของ “ADD” ที่ 46.7337% จะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 147.84 – 208.26 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาที่เสนอขาย และโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตแล้ว เชื่อว่าการเข้าลงทุนของ “ADD” ในครั้งนี้จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว”

สำหรับการเข้าลงทุนใน “7C” ครั้งนี้ เป็นการต่อยอดและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในเรื่องของผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทฯให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวมากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังสามารถต่อยอดความรู้ด้านเทคโนโลยีของบริษัทฯ ในการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล (Digital Transformation) เข้ามาช่วยในการวางรากฐานระบบการทำงานและการดำเนินธุรกิจ ให้แก่บริษัทที่กำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้การดูแลของ “7C” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเสริมสร้างกันทางธุรกิจ (Synergy)ในระยะยาว นอกจากนี้กระบวนการ Digital Transformation ดังกล่าวยังสามารถเข้ามาช่วยบริษัทต่างๆ ในการลดต้นทุนในการบริหารจัดการ เพื่อให้กำไรจากการประกอบกิจการเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นอกจากดีลดังกล่าวในข้างต้นแล้ว บริษัทฯยังได้เตรียมงบลงทุนไว้อีกกว่า 150 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของการเข้าไปลงทุน สำหรับเม็ดเงินในการลงทุนนั้น เป็นเม็ดเงินจากการระดมทุนไอพีโอในปีที่ผ่านมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจมีผลกำไรต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 เพิ่มเติมอีกจำนวน 0.14 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 มี.ค.2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 5 พ.ค.2565 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี