‘ดุสิตธานี’ ขยายสู่ตลาดลักซูรี่วิลล่าต่อยอดธุรกิจจากฐานเดิม

DTC เดินหน้าขยายการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ ซื้อหุ้น LVM Holdings เจ้าของแบรนด์ในกลุ่ม “อีลิธ เฮเวนส์” ผู้นำในธุรกิจตลาดให้เช่าวิลล่าระดับบนในเอเชีย มูลค่ารวม 495 ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจการบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าระดับหรูแบบครบวงจร ครอบคลุมประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า บริษัท Dusit Overseas Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่จดทะเบียนที่ฮ่องกง ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมดของ LVM Holdings Pte Ltd. ซึ่งจดทะเบียนที่ประเทศสิงค์โปร์ และเป็น Ultimate Holding Company ของกลุ่มแบรนด์ “อีลิธ เฮเวนส์” (Elite Havens) ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 495 ล้านบาท

ทั้งนี้ LVM Holdings Pte Ltd. เป็นบริษัทที่ถือหุ้นโดยตรงและโดยอ้อมในบริษัทอีก 9 แห่งที่จัดตั้งในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 เพื่อประกอบธุรกิจทำการตลาด ดำเนินการจอง รวมถึงรับดูแลบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูพร้อมพนักงานคุณภาพแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ “อีลิธ เฮเวนส์” โดยปัจจุบันมีเครือข่ายวิลล่าที่อยู่ในความดูแลจำนวนมากกว่า 200 แห่งในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ทั้งอินโดนีเซีย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และประเทศไทย

สำหรับการเข้าลงทุนในแบรนด์ “อีลิธ เฮเวนส์” เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท ใน 3 ด้าน ประกอบด้วย การสร้างความสมดุลให้กับธุรกิจ การกระจายความเสี่ยง และการสร้างเป้าหมายในการเติบโต โดยการลงทุนครั้งนี้ เป็นการเดินตามยุทธศาสตร์การสร้างการเติบโต ด้วยการเพิ่มจำนวนห้องพัก และการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจการให้บริการที่พักและทุกประสบการณ์ของนักเดินทาง โดยเรามองว่า ตลาดในส่วนนี้มีโอกาสเติบโตในอนาคตตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มองหาวิลล่าขนาดใหญ่ที่หรูหรา สะดวกสบาย และมีความเป็นส่วนตัว ที่มาพร้อมกับการบริการชั้นเลิศประจำในแต่ละวิลล่า ไม่ว่าจะเป็นพนักงานต้อนรับ พ่อครัว แม่บ้านที่ให้บริการตามต้องการของลูกค้าที่เข้าพักตลอด 24 ชั่วโมง

“ในช่วงที่ผ่านมา ดุสิตธานีได้เริ่มทดลองขยายสู่ตลาด “เศรษฐกิจแบ่งปัน” หรือ sharing-economy ผ่านการลงทุนในบริษัท เฟฟเสตย์ (favstay) เมื่อปีที่ผ่านมา และเริ่มขยายฐานไปจับกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียลผ่านแบรนด์ “อาศัย” (ASAI) ที่เป็นโรงแรมแบบไลฟ์ไสตล์บูทิค และในครั้งนี้เราขยับเข้าสู่ธุรกิจบริหารและให้เช่าวิลล่าหรู เพราะเราเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเราตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีในการบริหารธุรกิจโรงแรม บริการและการท่องเที่ยวระดับห้าดาวที่มีอยู่ทั่วโลกจะสามารถช่วยสนับสนุนการขยายแบรนด์ของอีลิธ เฮเวนส์ ให้เติบโตครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ที่สำคัญ” นางศุภจีกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี กล่าวด้วยว่า แม้ว่า การบริหารและให้เช่าวิลล่าหรูครบวงจร จะเป็นธุรกิจใหม่ที่มีความท้าทาย แต่กลุ่มดุสิตธานีก็มั่นใจในประสบการณ์ที่แข็งแกร่งของ อีลิธ เฮเวนส์ ในการเป็นผู้นำในธุรกิจนี้มาตลอดระยะเวลา 20 ปี ดังนั้น การรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ในครั้งนี้จึงนับเป็นการต่อยอดการดำเนินธุรกิจจากฐานเดิมที่บริษัทฯ มีความคุ้นเคยไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่ และยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเดินตามแผนยุทธศาสตร์ ด้วยการแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างสมดุลและกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจ และสร้างความเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับกลุ่มดุสิตธานีในอนาคตอีกด้วย

ด้านนายจอน สโตนแฮม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีลิธ เฮเวนส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เราสามารถเติบโตจากธุรกิจขนาดเล็กขึ้นมาขึ้นมาเป็นธุรกิจระดับกลาง ด้วยความแตกต่างของคุณภาพและความใส่ใจของพนักงานเราที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่น และหลังจากที่ดุสิตธานีเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าไปกับเรา ทำให้มั่นใจว่า หลังจากนี้ แบรนด์ “อีลิธ เฮเวนส์” จะสามารถเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะเราทั้งคู่ต่างมีประสบการณ์และมีปรัชญาในการให้บริการที่เน้นในเรื่องของคุณภาพของการบริการและความใส่ใจของพนักงานเป็นสำคัญเช่นเดียวกัน