โซนิค อินเตอร์เฟรท เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หลังก.ล.ต.นับ 1 ไฟลิ่ง พร้อมขาย IPO 150 ล้านหุ้น ผู้บริหารมั่นใจประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาคมานาน 22 ปี และเครือข่ายพันธมิตรให้บริการทั่วโลก สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและหนุนเติบโตอย่างยั่งยืน
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 31.03% ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียน ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว แบ่งเป็นการจัดสรรให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.86 ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ ส่วนที่เหลืออีก 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 5.17 ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็นการออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย (ESOP Warrant) จำนวน 30 ล้านหน่วย ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิไม่เกิน 5 ปี โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของ SONIC และบริษัทย่อย พร้อมกับช่วงที่เสนอขายหุ้น IPO กำหนดอัตราการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ส่วนราคาการใช้สิทธิแปลงสภาพจะขึ้นอยู่กับราคาที่เสนอขายหุ้น IPO นั้น
ปัจจุบันบริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท หรือ SONIC มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 290 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 580 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 200 ล้านบาท คิดเป็น 400 ล้านหุ้น ทั้งนี้ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้และหลังการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัทฯ จะมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 290 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 580 ล้านหุ้น
นายเอกจักร กล่าวว่า SONIC เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค โดยเป็นผู้ให้บริการรับขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งแบ่งธุรกิจเป็น 2 ส่วนได้แก่ 1.การให้บริการเป็นตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (International Logistics Services Provider) ทางทะเลและทางอากาศ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนช่องทางการขนส่ง การจัดเตรียมเอกสารดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับการนำเข้าสินค้าในประเทศและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ การจองระวางเรือหรือเครื่องบิน การดำเนินพิธีศุลกากร โดยมีเครือข่ายพันธมิตรในกว่า 63 ประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำสินค้าออกจากจุดขนถ่ายสินค้า ซึ่งให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 134 ประเทศทั่วโลก
2.การให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ โดยมีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ สำหรับบริหารจัดการสินค้าที่อยู่ระหว่างรอการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและดำเนินการขนส่งได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่จุดรับสินค้าไปจนถึงจุดหมายปลายทาง (Door-to-Door) รวมถึงมีการให้บริการขนส่งสินค้าทางบกข้ามชายแดน (Cross-border transport) ไปยังประเทศกัมพูชา
ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท กล่าวว่า บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์มานานกว่า 22 ปี จึงสามารถนำเสนอการให้บริการที่ครบวงจร เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ยังมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีขึ้น เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในการขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินการจัดตั้งฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Services) เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ติดตามแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน และมีมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นในคุณภาพและไว้วางใจในการใช้บริการจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“เรามีวิสัยทัศน์ที่ต้องการผลักดันบริษัทฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะล ทางอากาศและทางบก ทั้งภายในประเทศและการจัดส่งสินค้าข้ามแดนมาอย่างยาวนาน ประกอบกับมีเครือข่ายพันธมิตรซึ่งเป็นตัวแทนในต่างประเทศครอบคลุมในทุกทวีป ทำให้เราสามารถนำเสนอบริการขนส่งสินค้าที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล ลูกค้าจึงไว้วางใจใช้บริการมาอย่างต่อเนื่องและสามารถผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตด้วยดีมาตลอด” ดร.สันติสุข กล่าว