KWM ท็อปฟอร์มกำไรปี 64 พุ่ง 91% ปันผล 0.096 บาท XD 5 พ.ค.

HoonSmart.com>> “เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค” อวดงบปี 64 กำไรสุทธิ 83 ล้านบาท โตกว่า 91% กวาดรายได้จากการขาย 567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% รับอานิสงส์ธุรกิจเกษตรสดใส หนุนความต้องการใช้อุปกรณ์เครื่องจักรพุ่ง บอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.096 บาท/หุ้น ขึ้น XD 5 พ.ค.65 เดินหน้าขับเคลื่อน 3 ธุรกิจในเครือต่อยอดธุรกิจ New S-curve สู่การเติบโตครั้งใหม่ หนุนรายได้ปีนี้โต 10-15%

เอกพันธ์ วนโกสุม

บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2564 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 567.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 60.89% เมื่อเทียบกับปีก่อนและมีกำไรสุทธิ 82.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.52 ล้านบาท หรือ 91.23% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากธุรกิจการเกษตรในช่วงปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวถึง 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยเฉพาะสาขาพืช ที่มีการขยายตัว 3.3% ขณะที่สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวถึง 3.7% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนตั้งแต่ต้นปี 2564 ทั้งสภาพอากาศโดยทั่วไปที่เอื้ออำนวย ไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้สถานการณ์การผลิตพืชดีกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรกของปี2564 ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้สูงขึ้นตาม

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากทางภาครัฐในการส่งเสริมเกษตรกร อาทิ การขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้เกษตรกรมีช่องทางมากขึ้น รวมไปถึงมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเกษตรกร ทั้งการพักชำระหนี้ การประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตและบริหารจัดการสินค้าเกษตร ให้ออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

“อัตรากำไรขั้นต้น มีการปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 24.15% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 26.44% ทั้งนี้เป็นผลมาจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นสูงมากตามสภาพเศรษฐกิจ ประกอบกับปัญหาขาดแคลนเหล็ก ทำให้ราคาเหล็กในตลาดโลกสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทฯมีการเติบโตของรายได้จากการขายค่อนข้างมาก จึงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยในการผลิตของบริษัทฯลดน้อยลง เนื่องจากเกิด Economy of Scale”

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค.) ในอัตราหุ้นละ 0.096 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 45.30 ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 6 พ.ค.2565 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 5 พ.ค.2565 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 20 พ.ค.2565

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร KWM เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตรในปี2565 ว่า ธุรกิจการเกษตรยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรที่ต่อเนื่องของภาครัฐ ส่งผลให้เกิดแรงขับเคลื่อนในการใช้สินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยจะเห็นจากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตร ที่มีความต้องการใช้เพิ่ม รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ บริษัทฯได้มีการต่อยอดการลงทุนใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตรอบใหม่ (New S-curve) ให้กับบริษัทฯในอนาคตควบคู่กับธุรกิจเกษตร ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (core business) ผนวกกับการเดินหน้าขยายการลงทุนภายใต้ 3 บริษัทย่อย ประกอบด้วย

บริษัท เคดับบลิวเอ็ม แคนนาบิเทค จำกัด ดำเนินให้บริการสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย กัญชา-กัญชง ด้วยเครื่องสกัดสารด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION และปัจจุบันบริษัทฯได้พัฒนาเครื่องสกัดเป็นรุ่นที่2 KWM EXTRACTOR 2.0 ภายใต้รูปแบบการสกัด Supercritical CO2 Extraction (ในกลุ่มธุรกิจ SOIL – OIL – EXTRACTION ) โดยตั้งเป้าที่จะติดตั้งเครื่องสกัด ทั้งหมด 20 เครื่องในปีนี้

บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) ที่บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 51% เพื่อดำเนินธุรกิจการสกัด แปรรูปวัตถุดิบที่ได้จากพืชผลทางการเกษตร และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสกินแคร์ ในรูปแบบ OEM และ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) โดย KWM ถือหุ้นในสัดส่วน 51 % และ กลุ่มพันธมิตร ภายใต้บริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงาน และการติดตั้งเครื่องสกัด โดยเบื้องต้นคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จ และสามารถเดินเครื่องสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย ได้ในครึ่งปีแรก2565 และคาดว่าจะสามารถนำสารสกัดที่ได้ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องสำอาง อาหารเสริม ยา เครื่องดื่ม และอื่นๆได้ทันที

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยบวกข้างต้นส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 10-15 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการผลิตเครื่องจักร ทั้งด้านอุปกรณ์การเกษตร และนวัตกรรมการผลิตเครื่องสกัดสารจากพืชสมุนไพร ที่ครบวงจรได้เป็นอย่างดี