HoonSmart.com>> ประธานาธิบดีรัสเซีย “วลาดิมีร์ ปูติน” เปิดฉากปฏิบัติการทหารในยูเครนตะวันออก ฉุดดัชนีหุ้นไทยร่วง 25 จุด ดัชนีแตะ 1,671 จุด เงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง ราคาน้ำมันดิบ ทองปรับเพิ่มขึ้น ASPS แนะถือเงินสด 10-20% เน้นหุ้นถูกกระทบจำกัด DTAC-CPALL-MAKRO- BH ด้าน “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” คาดกลุ่มพลังงานแกร่งกว่าตลาด
ณ เวลา 11.09 น. ดัชนีหุ้นไทยร่วงอยู่ที่ 1,671.31 จุด ลดลง 25.14 จุด หรือ -1.48% มูลค่าการซื้อขาย 49,140.67 ล้านบาท
หลังมีรายงานข่าว สำนักข่าวทาสส์ (TASS) ของรัสเซียรายงานในวันนี้ว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ตัดสินใจที่จะเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารพิเศษ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการ “ปกป้อง” ภูมิภาคดอนบาส
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า ผู้นำรัสเซียไม่ได้ต้องการที่จะเข้ายึดครองยูเครน พร้อมเรียกร้องให้กองกำลังยูเครนวางอาวุธและถอยทัพกลับไป และประกาศด้วยว่า รัสเซียจะไม่ยอมปล่อยให้ยูเครนครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ประธานาธิบดี “วลาดีมีร์ ปูติน” ของรัสเซีย แถลงตัดสินใจปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคดอนบาสของยูเครนและเรียกร้องให้กองทัพยุเครนวางอาวุธ
ด้านแหล่งข่าวจาก CNN รายงานว่ามีเสียงระเบิดดังใกล้กับกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
Funf Flow ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดหุ้นเอเชียลดลง 0.5-3% ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ -2.3% น้ำมันดิบเบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น 3% ส่วนทองคำเพิ่มขึ้น 1% ด้านบอนด์ยิลด์สหรัฐ 10 ปี ลดลง 0.08%
บล.เอเซีย พลัส มองท่ามกลางสภาวะตลาดการเงินโลกผันผวน แนะนำถือเงินสด 10-20% ของพอร์ตรวม เพื่อรอดูสถานการณ์และเน้นหุ้นได้รับผลกระทบจำกัด เช่น DTAC, CPALL, MAKRO, BH
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า SET Index ปรับลงแรงและหลุดแนวรับแรกที่ 1,680 จุดหลังรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และหนุนราคา Commodity โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำปรับขึ้น กลุ่มพลังงานคาดยืนแข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ PTT, PTTEP, BCP
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองตลาดหุ้นโลกผันผวนจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้หุ้นไทยน่าสนใจกว่า นอกจากนี้หุ้นกลุ่มหลักใน SET Index อย่างกลุ่มพลังงาน ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมาสูง กลุ่มธนาคารยังมีระดับราคาและเงินปันผลน่าสนใจและกลุ่มค้าปลีกที่ราคาหุ้นยังค่อนข้าง laggard
กองทุนหุ้นไทยแนะนำกองทุนเปิด เอ็มเอฟซี หุ้นไทย เมกะ (M-MEGA) ซึ่งมีทั้งแบบจ่ายเงินปันผล (M-MEGA-D) และแบบสะสมมูลค่า (M-MEGA-A) ให้เลือกลงทุน กองทุนจะลงทุนในบริษัทที่เป็นสมาชิกในดัชนี SET50 จำนวนไม่เกิน 35 บริษัท โดยจะลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดีประกอบกับมีปัจจัยสนับสนุนทางด้านเทคนิค
นอกจากนี้กองทุนจะพิจารณาสัดส่วนการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวเพื่อให้มีความผันผวนของพอร์ตต่ำที่สุดในแต่ละขณะ บริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ PTT, AOT, ADVANC, SCB และ GULF (ณ วันที่ 30 ธ.ค.2564)