SABUY ทุ่มลงทุน 3.5-5 พันลบ. ปี65ไล่ซื้อธุรกิจ รายได้โตทะลุ100%

HoonSmart.com>>”สบาย เทคโนโลยี”เพิ่มทุน 612 ล้านหุ้น  ใช้ต่อยอดธุรกิจ แจก SABUY-W2 ให้ผู้ถือหุ้น ลั่นปี 65 รายได้โตก้าวกระโดด ทุ่มงบลงทุน 3.5-5 พันล้านบาท ซื้อหุ้น-ธุรกิจใหม่ จบไปแล้ว 7 ดีล บุกหนักธุรกิจการเงิน สนใจทุกประเภท ซื้อหุ้นนครหลวง แคปปิตอล  25% แต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ เทเฉียด 1 พันล้านซื้อหุ้น AIT  ซื้อบัซซี่บีส์ (BZB) ยักษ์ใหญ่ CRM จำนวน 30% ขยายการลงทุนนอกประเทศ  ปี 64 กำไรโต 109%

นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยถึงเป้าหมายการดำเนินงานปี 2565 ว่าบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 3,500-5,000 ล้านบาท คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 100% ซึ่งปกติกำไรจะเติบโตได้ดีกว่ารายได้ เนื่องจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สามารถต่อยอดธุรกิจทั้งสองฝ่าย รวมถึงผู้บริหารยังมีการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้นด้วย ปัจจุบัน SABUY มีบริษัทในกลุ่มประมาณ 30 บริษัท

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเพิ่มช่องทาง ออนไลน์ ออฟไลน์ 500,000 ช่องทาง และจำนวนผู้ใช้เพิ่มเป็น 100 ล้านคน จากปัจจุบันมี 50 ล้านคน บริษัทไม่ได้มองเฉพาะผู้ใช้ในประเทศ แต่จะมองไปต่างประเทศ ทำธุรกิจออกไปในเอเชีย มองเห็นโอกาสจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น มีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด การขยายการลงทุนในบริษัทจำนวนมาก และในหลายธุรกิจ บริษัทมีแหล่งเงินทุนพร้อม ทั้งการได้รับอนุมัติออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และสินเชื่อจากธนาคาร ปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.5-0.6% และยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะแปลงเป็นหุ้นใน 2 ปี จะมีเงินเข้ามาเพิ่มขึ้น

“สบาย เป็นเทคที่แม่นในโซลูชั่น และแพลตฟอร์ม ตั้งแต่เราเข้าตลาดหลักทรัพย์มา 3 ปี เราทำจริง เดินจริง ดำเนินธุรกิจในการเป็น 7 สะดวก 7 สมาร์ท ส่วนปี 2565 ตอบไม่ได้ว่าจะซื้อหุ้นและธุรกิจใหม่อีกกี่แห่ง แต่จนถึงวันที่ 21 ก.พ. ซื้อมาแล้ว 7 ดีล ปีนี้จะเป็นปีที่จะบุกธุรกิจการเงิน  ล่าสุดซื้อหุ้นบริษัท นครหลวง แคปปิตอล (NKON ) เราสนใจหมดทั้ง โบรกเกอร์ ประกันภัย หน่วยลงทุน ธุรกิจเกี่ยวกับยา ธุรกิจคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ บริษัทเกี่ยวกับบุคคคล มีบริษัทนอกตลาดหลายแห่งติดต่อมา สตาร์ทอัพหลายรายก็ติดต่อเข้ามา ใครมีร้านค้าแล้ว แต่ยังไม่มีสินค้า ก็น่าสนใจ วอลเล็ทของบีทีเอส จะใช้แพลตฟอร์มของสบาย เดือนพ.ค. และ ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้าจะแถลงข่าว เปิดตัวเหรียญ ดิจิทัล ที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งหน่วยงานรัฐจะพึ่งพอใจที่เราทำ การขยายการลงทุนในปีนี้ จะสร้างฐานในการเติบโตก้าวกระโดดในปีหน้าและปีต่อๆไป” นายชูเกียรติกล่าว

เมื่อต้นปี 2565 บริษัทเพิ่งเข้าไปลงทุน 3 ดีล คือบริษัท อินดีม กรุ๊ป บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป และบริษัท ดิ อะชีฟเวอร์ 59 ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯมีมติวันที่ 21 ก.พ. ให้ความเห็นชอบเข้าลงทุนบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (AIT) ผู้นำธุรกิจ IT รายใหญ่ของไทย ประมาณ 10% โดยการเข้าซื้อหุ้นจำนวน 30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.08 บาท รวมมูลค่า 212.40 ล้านบาท และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ครั้งที่ 2 (AIT-W) จำนวน 140 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 3.55 บาท รวมมูลค่า 497ล้านบาท เป็นเงินทั้งสิ้น 709.4 ล้านบาท จากนายอานนท์ชัย วีระประวัติ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ AIT ทั้งนี้มีสิทธิแปลงสภาพ AIT-W2 เป็นหุ้นในราคา 2 บาท เป็นเงิน 280 ล้านบาท หากใช้สิทธิทั้งหมด รายการลงทุน AITมีมูลค่าทั้งสิ้น 989.40 ล้านบาท

นอกจากนี้บอร์ดยังเห็นชอบให้เข้าลงทุนในบริษัท นครหลวง แคปปิตอล (NKON ) จำนวน 311.70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25 % ที่มีสาขา 105 สาขา รุกตลาดปล่อยสินเชื่อรายย่อย  ซึ่งมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วย และลงทุนในบริษัท บัซซี่บีส์ (BZB) ยักษ์ใหญ่ CRM โดยการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 574,500 หุ้น หรือ30% คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 970.8 ล้านบาท

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 612,647,401 หุ้น จัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด(พีพี) จำนวน 32 ล้านหุ้น หรือ 1.37%ให้นายอานนท์ชัย วีระประวัติ ในราคาหุ้นละ 28.25 บาท เพื่อชำระค่าหุ้น AIT และ AIT-W2 และจัดสรรหุ้นจำนวน 6,896,005 หุ้นหรือ 0.56% ในราคาหุ้นละ 28.25 บาท ชำระค่าหุ้น NKON และชำระด้วยเงินสดประมาณ 584,436,438.75 บาท  รวมถึงจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 508,551,983 หุ้น รองรับการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นครั้งที่ 2 (SABUY-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม อัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ กำหนดราคาแปลงสภาพหุ้นละ 5 บาท และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 40 ล้านหุ้น รองรับการออกและเสนอขายใบส าคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยครั้งที่ 3 (SABUY-WC) ไม่คิดมูลค่า อายุ 3 ปี กำหนดราคาใช้สิทธิ 38 บาท

นายชูเกียรติ กล่าวเสริมว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายและกลยุทธ์ในส่วนของ “SABUYVERSE First Move” โครงสร้างธุรกิจหลักจะมีการปรับเปลี่ยนจาก 4 กลุ่ม เป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงิน 2.ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ 3.ธุรกิจระบบโซลูชั่นส์และแพลตฟอร์ม 4.ธุรกิจการให้บริการทางการเงิน และ 5.ธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)  ในส่วนของธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะเป็น บริษัท สบาย ดิจิตอล  เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล (คริปโท เคอร์เรนซี) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยอยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทางภาครัฐ และบริษัท สบาย แอคเซอเรอเรเตอร์   การลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม เพื่อขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพสินค้าและบริการใน Ecosystem ของ SABUY

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2564 เติบโตสูงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 213.6 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 0.201 บาท เพิ่มขึ้น 111.5 ล้านบาท คิดเป็น 109.3% จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 102.1ล้านบาทหรือ 0.112 บาทต่อหุ้นและ มีรายได้รวม 2,126.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,460.8 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น เป็นเงินรวมประมาณ 39 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date)  และได้  SABUY-W2 ในวันที่ 5  พ.ค.ขึ้นเครื่องหมาย XD 3 พ.ค.2565 และจ่ายปันผลในวันที่ 19 พ.ค. 2565