NER กำไรปี 64 พุ่งแตะ 1,850 ลบ. ปันผล 36 สต. ตั้งเป้าปีนี้รายได้ 2.8 หมื่นล.

HoonSmart.com>> “นอร์ทอีส รับเบอร์” โชว์กำไรปี 64 กว่า 1,850 ล้านบาท เติบโต 115% ปริมาณขายพุ่งแตะ 4.52 แสนตัน กวาดรายได้ 2.44 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% หลังขยายกำลังผลิตเพิ่ม คุมต้นทุนมีประสิทธิภาพ บอร์ดเคาะปันผล 0.36 บาท ขึ้น XD 19 เม.ย.นี้ จ่ายเงิน 6 พ.ค.65 พร้อมชงผู้ถือหุ้นเลื่อนระยะเวลาขายหุ้น PP ที่จะครบกำหนดออกไปก่อน เพิ่มจำนวนออกหุ้นกู้อีก 4 พันล้านบาทรวมเป็น 8 พันล้านบาท กางแผนปี 65 รายได้แตะ 2.8 หมื่นล้านบาท

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,850.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.13 บาท เพิ่มขึ้น 115.47% จากงวดปี 2563 มีกำไรสุทธิ 858.68 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.555 บาท

บริษัทฯ มียอดขายสินค้ารวม 24,425.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,075.88 ล้านบาทหรือ 49.39% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยมีปี 2564 บริษัทฯ มีปริมาณขาย 452,476 ตัน เพิ่มขึ้น 93,656 ตัน หรือ 26.10% และมีอัตรากำไรสุทธิ 7.57% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่เท่ากับ 5.25%

ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทที่ขยับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยปัจจัยหลักเกิดจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 10.56% เป็น 13.25%

สัดส่วนรายได้จากการขาย แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 15,182.94 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.16% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,595.28 ล้านบาทหรือ 43.40% รายได้จากการขายต่างประเทศ 9,242.72 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.84% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 3,480.60 ล้านบาทหรือ 60.40%

รายได้จากการขายปี 2564 ที่เพิ่มสูงขึ้นเกิดจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายที่ขยับตัวสูงขึ้น โดยแบ่งเป็นผลต่างเพิ่มขึ้นด้านปริมาณ อยู่ที่ 4,267.49 ล้านบาท และผลต่างด้านราคาที่ขยับตัวสูงขึ้น อยู่ที่ 3,808.39 ล้านบาท

คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในอัตรา 0.36 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 20 เม.ย. 2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 19 เม.ย. 2565 และจ่ายเงินในวันที่ 6 พ.ค. 2565 ทั้งนี้ งวดครึ่งปีแรกบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลอัตราหุ้นละ 0.07 บาท รวมทั้งปีจ่าย 0.43 บาท เป็นเงิน 749 ล้านบาท

พร้อมกันนี้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 เม.ย.2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการขยายระยะเวลาการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 161,467,890 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 และเสนอพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทเพิ่มอีกจำนวน 4,000 ล้านบาท เป็นวงเงินรวมไม่เกิน 8,000 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 28,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายคาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 510,000 ตัน โดยสัดส่วนของยอดขายในปี 2565 บริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 65:35 เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราค่าระวางเรือที่ปรับเปลี่ยนในทิศทางที่สูงขึ้น โดยมองว่าความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ก็จะทำให้มีการคมนาคมมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น

รายงานจาก กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ระบุว่า ยอดผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ขยายตัวถึง 160% เมื่อเทียบปีต่อปี และมีการส่งเสริมและผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยการเร่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สถานีชาร์จ เสาชาร์จ และ สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รองรับ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการให้ได้ 20 ล้านคันในปี 2025 โดยจีนจะจัดตั้งสถานีชาร์จในทุกอำเภอและติดตั้งเสาชาร์จในทุกหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนใช้รถยนต์พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง

ด้านแผนงานธุรกิจปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์แผ่นปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattleFlex ตั้งเป้าปริมาณการขายภายในปีแรกที่ 250,000 แผ่น คิดเป็นรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทกำลังเร่งดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ (distributor) ซึ่งในเฟสแรกมีทั้งหมด 13 ประเทศ โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น Pro พรีเมียมระดับมาตรฐานยุโรป รุ่น Tuf ทนทานในราคาที่จับต้องได้ รุ่น Calf พิเศษสำหรับลูกวัว และรุ่น Move สำหรับทางเดินในฟาร์มปศุสัตว์ พร้อมกันนี้ได้เตรียมเปิดตัว cattleFlex Winner รุ่นพิเศษ สำหรับการดูแลม้า ในเร็วๆนี้ด้วย