HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวรับดัชนีวันนี้อยู่ที่ 1,690 จุด แนวต้าน 1,715 จุด แนะซื้อช่วงดัชนีอ่อนตัว ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง กังวลสถานการณ์รัสเซีย – ยูเครน หลังรัสเซียสั่งขับผู้ช่วยเอกอัครราชทูตสหรัฐ และสภาดูม่าของรัสเซียเตรียมรับรองบริเวณดินแดนดอนบาส (เมืองลูฮันสก์, โดเนตส์) ส่วนหุ้นแนะนำวันนี้ CPN-AMATA
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ วางแนว Filter แนวรับ SET ที่ 1,690 จุด ยืนได้ถือพอร์ตโดยมีแนวต้าน 1,715 – 1,720 จุด แนะนำซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนตัว เช่น ADVANC, TRUE, INTUCH (+กลุ่มปลอดภัย ) CPALL, HMPRO ( +ค้าปลีกคาดกำไรฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ) AMATA, WHA (+ลงทุนใน EEC, มาตรการหนุน EV Car )
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.78%, S&P500 -2.12%, Nasdaq -2.88%กลุ่มเทคโนโลยี -3.07%,สื่อสาร -2.96% , ธนาคารปรับลดลงจากความกังวลรัสเซียอาจบุกยูเครน และชาติตะวันตกอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แต่ดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าอุปโภค หลัง Walmart +4.01% รับกำไร Q4/64 ดีกว่าคาด ส่วนรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 23,000 ราย อยู่ที่ 248,000 ราย &คาดลดลงอยู่ที่ 219,000 ราย
ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.69% กลุ่มเดินทางและสันทนาการ -1.70% , กลุ่มสาธารณูปโภค +0.60% กังวลต่อความเสี่ยงรัสเซียจะบุกยูเครน
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 64.00 บาท) ปัจจัยบวกจากการคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศ หนุนปริมาณ Traffic กลับเข้าสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง ได้แก่เซ็นทรัลอยุธยาและเซ็นทรัลศรีราชาเต็มปี และในช่วงกลางปี 65 บริษัทเตรียมเปิดเซ็นทรัลจันทบุรีเพิ่มอีก 1 โครงการ รวมถึงรับรู้รายได้จากการ SF ที่ถือหุ้น 96.24% ส่งผลบวกต่อกำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยจะเป็นการขยายพอร์ตลงทุนไปสู่ Community mall และศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างเมกาบางนา
สำหรับกำไรปกติปี 65 ตลาดคาดอยู่ที่ราว 9.3 พันล้านบาท EPS 2.08 บาท/หุ้น เติบโตราว 40%YoY บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง Net D/E ที่ 0.8x ต่ำกว่า Covenant ที่ 1.75x สามารถรองรับการขยายธุรกิจ
หุ้น AMATA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.58 บาท) ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทั่วโลกเริ่มดีขึ้น ทำให้คาดกิจกรรมการโอน-การขาย การเยี่ยมชมสถานที่ที่ดินในมือที่พัฒนาคงค้างเร่งตัว ด้านงานสัมปทานที่ดินจากนาเตย สปป.ลาว ทำให้บริษัทมีโอกาสขยายช่องทางเติบโตและขยายฐานลูกค้าในอนาคต ขณะที่งานนิคมในเวียดนามยังคงมองขยายตัวต่อ โดยปัจจุบันมีพื้นที่เขตฮาลองที่รอโอนจำนวน 322 ไร่
ส่วนปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐทั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ EEC การลดหย่อนภาษี 50% เพิ่ม 5 ปี, ยกเว้นภาษีนิติบุคคล 13% สำหรับงบการเงินคาดผ่านจุดต่ำสุดที่ 3Q64 ไปแล้วด้วยกำไรสุทธิ 661.50 ล้านบาท, EPS ที่ระดับ 0.58 บาทต่อหุ้น โดย Consensus คาด EPS ปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวสู่ระดับ 1.39 บาทต่อหุ้น และ Dividend Yield คาดฟื้นตัวจากสิ้นปี 64 ที่ 1.39% สู่ Consensus ที่ 1.9%
