DELTA โชว์กำไร  6,699 ลบ.ปี 64 ยอดขายโต 33% ปันผลแค่ 1.7 บาท

HoonSmart.com>>”เดลต้า อีเลคโทรนิคส์” โชว์กำไรปี 64 ลดลง 5.67% จากปี 63 ถือว่าดีเกินคาด ได้แรงหนุนไตรมาส 4 โกยเงิน 2,095.58 ล้านบาท พุ่งขึ้นเฉียด 76% เทียบไตรมาส 3  ยอดขายรวมทั้งปี  84,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.4% นำโดยผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ราคาวัตถุดิบ-ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น  บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลเพียงหุ้นละ 1.70 บาท ขึ้น XD 28 ก.พ.65

บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA แจ้งผลการดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิ 6,699 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 5.37 บาท กำไรสุทธิลดลง 402.64 ล้านบาท คิดเป็น 5.67%เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 7,101.64 ล้านบาท หรือ 5.69 บาท เฉพาะไตรมาสที่ 4/2564 มีกำไรสุทธิ 2,095.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 514.03 ล้านบาท หรือ 32.50% จากไตรมาส 4/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 1581.55 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 75.91% จากไตรมาสที่ 3/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,191.27

กำไรที่ลดลงในปี 2564 มาจากอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายอยู่ที่ 7.0 % เทียบกับ 10.1% และ 4.5% ในปี 2563และ2562 ตามลำดับ  สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบรวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิ  8.0% เทียบกับ 11.2% และ  5.7% ในปี 2563 และปี 2562 ตามลำดับ

ส่วนยอดขายตามงบการเงินรวมในปี2564 มีจำนวน 84,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  33.4% และ 62.0%จากปี2563 และปี 2562 ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) เนื่องจากการมาถึงของยุคยานยนต์พลังงานไฟฟ้า  และยอดขายของกลุ่มธุรกิจเพาเวอร์
อิเล็กทรอนิกส์(Power Electronics)ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะยอดขายในกลุ่มเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับระบบคลาวดค์อมพิวติ้ง (Cloud Computing) ระบบศูนย์ข้อมูล (Data Center)

ในปี2564 ยอดขายในตลาดเอเชียมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่  35% มาอยู่ที่  38% ในทางกลับกันยอดขายแถบอเมริกาเหนือและตลาดยุโรปลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน

ด้านคณะกรรมการมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 1.70 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 1 มี.ค. กำหนดวันขึ้น XD วันที่ 28 ก.พ.2565 และจ่ายเงินวันที่ 22 เม.ย.2565  ทั้งนี้เงินปันผลปี 2564 จ่ายน้อยกว่าปี 2563 ที่สูงถึง 3.30 บาทต่อหุ้น

เงินปันผลหุ้นละ 1.70 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 0.41% เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 418 บาท เพิ่มขึ้น 31 บาทหรือ 8.01% ของวันที่ 15 ก.พ.2565