GGC กำไรปี 64 เหลือ 330 ลบ. ตั้งสำรองคดีค่าวัตถดิบฉุดงบ ปันผล 35 สต.

HoonSmart.com>> “โกลบอลกรีนเคมิคอล” กำไรสุทธิปี 64 ลดเหลือ 330 ล้านบาท วูบ 41% จากงวดปีก่อน ตั้งสำรองความเสียหายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายค่าวัตถุดิบ พร้อมดอกเบี้ยรวม 444 ล้านบาท ด้านรายได้จากการขายรวม 20,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.35 บาท ขึ้น XD 24 ก.พ.นี้ มองแน้วโน้มปี 65 ความต้องการใช้เมทิลเอสเทอร์ในประเทศดีขึ้นเล็กน้อย ตลาดแข่งขันรุนแรง ด้านความต้องการแฟตตี้แอลกอฮอล์คาดปรับตัวดีขึ้นหลังโควิดคลี่คลายลง

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2564 กำไรสุทธิ 330.22 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท ลดลง 41% จากงวดปี 2563 มีกำไรสุทธิ 560.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.55 บาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งหมด 20,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2563 และมี Adjusted EBITDA จำนวน 1,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯ รับรู้ผลกระทบจาก Stock Gain & NRV จำนวน 403 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิก่อนรวมผลกระทบจากรายการพิเศษจำนวน 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 214 ล้านบาท หรือ 38%

ทั้งนี้ ตามที่บริษัทฯ แจ้งข่าวไปยังตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2565 เรื่อง ผลคำพิพากษาคดีแพ่ง ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้บริษัทฯ ชดใช้ค่าเสียหายมูลค่ารวม 289.56 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 15% และให้บริษัทฯ ชำระค่าทนายความชั้นอุทธรณ์จำนวน 300,000 บาท ให้กับบริษัทดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สิทธิขออนุญาตฎีกาภายในระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยบริษัทฯ มีการตั้งสำรองความเสียหายจากผลคำพิพากษาดังกล่าวเป็นจำนวน 444 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ ในปี 2564 ปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์ลดลง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนมาอยู่ที่ 323,462 ตัน เป็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ “เดลต้า” ที่มีความรุนแรง

ด้านกลุ่มธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์มีปริมาณการขายแฟตตี้แอลกอฮอล์ลดลง 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปี 2564 บริษัทฯ มีการหยุดหน่วยการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ เพื่อซ่อมบำรุงและเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกิริยา ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ

สำหรับ ปี2565 แนวโน้มความต้องการใช้เมทิลเอสเทอร์ในประเทศในปี 2565 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย คาดว่าปรับตัวดีขึ้น 2% จากปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 1.48 ล้านตัน ถึงแม้รัฐบาลจะยังคงนโยบาย B7 ในช่วงเดือนม.ค.และมีการประกาศปรับลดสัดส่วนผสมน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลงเหลือ B5 ในช่วงระหว่างวันที่ 5 ก.พ.-31 มี.ค.2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น แต่รัฐบาลยังคงผลักดันให้มีการใช้ B10 ต่อไปเพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม

อย่างไรก็ดี ภาคการณ์แข่งขันของตลาดเมทิลเอสเทอร์ในปี 2565 มีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากมีการขยายกำลังผลิตของผู้ผลิตรายเดิมที่เพิ่มขึ้น และมีการดำเนินการผลิตของผู้ผลิตรายใหม่ ซึ่งอาจกดดันให้ตลาดเมทิลเอสเทอร์ในปี 2565 มีแนวโน้มการแข่งขันของตลาดรุนแรงขึ้น ในส่วนของราคาเมทิลเอสเทอร์ ในปี 2565 นั้น มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ตามแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศที่อ่อนค่าลง

ด้านความต้องการแฟตตี้แอลกอฮอล์ ในปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าปรับตัวดีขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง และการยกเลิกมาตรการปิดประเทศ ทั้งประเทศผู้ซื้อในแถบทวีปเอเชีย และกลุ่มทวีปยุโรปและอเมริกา

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2565 อนุมัติการจ่ายเงินผลจากกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 358.3 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 25 ก.พ. 2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 ก.พ. 2565 และจ่ายเงินในวันที่ 20 เม.ย. 2565