หุ้น PEACE ปิดเทรดวันแรกที่ 5.60 บาท เหนือจอง 40.70%

HoonSmart.com>>หุ้น PEACE ปิดเทรดวันแรกที่ 5.60 บาท เหนือจอง 40.70% มีดีลบิ๊กล็อต 2.8 ล้านหุ้น เทรดราคาขาย IPO ที่ 3.98 บาท/หุ้น โบรกฯให้ราคาเหมาะสม 4.80 บาท คาดผลประกอบการยังคงเติบโตสูง 2 ปี (2564-2566) จากการที่บริษัทจะมีแผนเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าบริษัทจะยังมีความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น ได้ 37-38% ต่อปี

หุ้น PEACE ปิดเทรดวันแรกที่ 5.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.62 บาท (+40.70 %) จากราคาขาย IPO ที่ 3.98 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,156.24 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.50 บาท ขึ้นสูงสุด 6.15 บาท และลงต่ำสุด 5.20 บาท

นอกจากนี้ ยังมีรายการบิ๊กล็อตหุ้น PEACE 1 รายการ จำนวน 2,800,000 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 11.14 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 3.98 บาท/หุ้น เท่ากับราคาขาย IPO

บล.ทิสโก้ ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสำหรับหุ้นบริษัทพีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) อยู่ที่ 4.80 บาท คิดจาก PER 2565 ที่ 7.5 เท่า ซึ่งคิดจากค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ คาดบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 1.12 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.4% YoY ในปี 64 จากการรับรู้ยอดขายจากโครงการในมือ รวมถึงจาก backlog ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 600 ล้าน โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 37.9% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้อยู่ที่ 16.8% คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 188 ล้านบาท (+40.3% YoY) ในปี 64

สำหรับผลประกอบการในปี 65 คาดบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของรายได้สูงถึง 38.7% YoY จากการรับรู้ยอดขายจากโครงการในมือทั้งโครงการที่เหลือขายและโครงการที่เปิดตัวใหม่ตั้งแต่ปี 64 คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 37.3% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้อยู่ที่ 15.5% คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 268 ล้านบาท (+42.7% YoY) ในปี 65

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการของ PEACE จะยังคงเติบโตสูง 2 ปี (2564-2566) Cagr อยู่ที่ 29% จากการที่บริษัทจะมีแผนเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าบริษัทจะยังมีความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (gross profit margin) ได้อยู่ที่ 37-38% ต่อปี นอกจากนี้จากการที่บริษัทมีการเติบโตของรายได้สูงกว่า 20% ต่อปีในช่วงปี 64-66 จะส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้จะค่อย ๆ ลดลงจาก 17.4% ในปี 63 มาอยู่ที่ 16.8% 15.5% และ14.4% ตามลำดับ

PEACE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อขาย แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้น และ 3 ชั้น ภายใต้แบรนด์ Cordiz, The Glamor, Cher, Cherene และ CHEREA VICINITY ณ 25 พ.ย. 2564 บริษัทมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการขาย 7 โครงการ และโครงการในอนาคต จำนวน 3 โครงการ และยังคาดว่าจากการที่บริษัทได้ร่วมกับกลุ่มปูนซีเมนต์ไทย จะส่งผลบวกต่อยอดขายและผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังคงมีแผนการที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเติมสำหรับโครงการใหม่