IRPC ตั้งงบลงทุน 5 ปี 4.1 หมื่นลบ. เร่งเพิ่มรายได้ธุรกิจใหม่

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี”วางแผนลงทุน 5 ปี (65-69) วงเงินรวม 41,350 ล้านบาท สร้างการเติบโตตามวิสัยทัศน์ใหม่  เพิ่มรายได้ธุรกิจใหม่ เสริมจุดแข็งฐานธุรกิจปัจจุบัน  โครงการ UCF จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาส 1/67  ส่วนกำไรไตรมาส 4/64 ทำได้ 2,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน ทั้งปี  กำไรสุทธิ 14,505 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 6,152 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีก 0.14 บาท รวมทั้งปี 0.22 บาท 

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดแผนการลงทุน 5 ปี (65-69) เพื่อสร้างการเติบโตตามวิสัยทัศน์ใหม่ วงเงินรวม 41,350 ล้านบาทในโครงการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) โดยจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/2567 โครงการ Strengthen IRPC เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โครงการลงทุนทั่วไปและค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงโรงงาน และอื่นๆ

บริษัทมีแผนเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่มากขึ้น และเสริมจุดแข็งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในฐานธุรกิจปัจจุบัน เปรียบเสมือนแม่น้ำ 2 สาย (River of 2 streams) ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (Transition to the New Horizons) ต่อไป โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล ให้คุณค่าของการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 67,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 198,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% และบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 6,680 ล้านบาท (10.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลง 7%

บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 267 ล้านบาท ลดลง 2,061 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มี EBITDA 3,094 ล้านบาท ลดลง 50% ขณะที่มีกำไรจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 107 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ 70 ล้านบาท และกำไรจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 1,526 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4  มีกำไรสุทธิ 2,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานทั้งปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ จำนวน 235,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 55% ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 192,000 บาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับปี 2563  บริษัทฯ มี Market GIM อยู่ที่ 29,588 ล้านบาท (13.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น 52% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายมากขึ้น จากการที่ประชากรทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น และหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิรวม 11,104 ล้านบาท ส่งผลให้มี EBITDA 26,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,269 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 475% และมีกำไรสุทธิ 14,505 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 6,152 ล้านบาท

ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติเสนอการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.08 บาท  คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยจะเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป