IRPC โชว์ปี’64 โกยกำไร 14,504 ลบ. พุ่งขึ้น 336%

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี”เปิดผลงานปี 64 กำไร 1.4 หมื่นล้านบาท พลิกจากปีก่อนขาดทุน  มีรายได้จากการขายสุทธิเพิ่มขึ้น 54% เป็น 235,174 ล้านบาท  ราคาขายสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ กำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 11,104 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 4 กำไรสุทธิ 2,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 3 แจกปันผลอีก 0.14 บาท XD 22 เม.ย.65

บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2564 มีกำไรสุทธิ 14,504.62 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.71 บาท พุ่งขึ้น 336% เทียบกับปี 2563 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ – 6,151.70 ล้านบาท หรือ 0.30 บาทต่อหุ้น เฉพาะไตรมาสที่ 4/2564 มีกำไรสุทธิ 2,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 3 ทีมีกำไรสุทธิ 2,155 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,608 ล้านบาท

กำไรที่ดีขึ้นจากปี 2563 มาจากรายได้จากการขายสุทธิ 235,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 55% ตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ปริมาณขายลดลง 1% โรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 192,000 บาร์เรลต่อวัน เท่ากับปี 2563

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 29,588 ล้านบาท (13.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น 52% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ขณะที่ต้นทุน Crude Premium ปรับตัวเพิ่มขึ้น

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2564 เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2563 ที่ราคาเฉลี่ย 42.21 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 69.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 11,104 ล้านบาท หรือ 4.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ประกอบด้วยกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 13,112 ล้านบาท ขาดทุนจากค่าเผื่อการลดลงของสินค้าคงเหลือ (LCM) 54 ล้านบาท และขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง 1,954 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 1,589 ล้านบาทหรือ 0.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 40,692 ล้านบาท หรือ 18.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 22,867 ล้านบาท หรือ 9.98 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มีค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 13,594 ล้านบาท ลดลง 2% ทำให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (อีบิทดา) จำนวน 26,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,269 ล้านบาท หรือ 475%

เฉพาะไตรมาส 4 มีรายได้จากการขายสุทธิ 67,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9% ตามราคาน้ำมันดิบ โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 198,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากไตรมาสที่ 3 มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของหน่วยผลิต HYVAHL ของโรงงาน RDCC เป็นเวลา 45 วัน บริษัทฯ มี Market GIM อยู่ที่ 6,680 ล้านบาท (10.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ลดลง 7% สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเคมีส่วนใหญ่ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ น้ำมันหล่อลื่นลดลง ขณะเดียวกันมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 267 ล้านบาทหรือ 0.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 บริษัทมีเงินสดคงเหลือจำนวน 11,236 ล้านบาท โดยมีกระแสเงินสดสุทธิเพิ่มขึ้น 2,385 ล้านบาท

แนวโน้มธุรกิจปิโตรเลียมในปี 2565 คาดความต้องการใช้น้ำมันของโลกอยู่ที่ประมาณ 103 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด เพิ่มขึ้นประมาณ 4.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับปี 2564 เพิ่มขึ้น 98.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในปีนี้คาดเพิ่มขึ้นถึง 6.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 103 ล้านบาร์เรลต่อวันใกล้กับกับความต้องการใช้น้ำมัน โดยนักวิเคราะห์คาดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 67-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในปี 2564 ที่ 69 เหรียญสหรัฐ

สำหรับธุรกิจปิโตรเคมี คาดความต้องการมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นเฉลี่ย 3-4%ต่อปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัว 4.8% ทั้งนี้คาดว่ากำลังการผลิตใหม่จะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในจีน รวมถึงกำลังการผลิตใหม่จากมาเลเซียเลื่อนจากปีที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ได้ อย่างไรก็ตามช่วงปลายปี 2564 จีนได้กำหนดมาตรการปันส่วนการใช้พลังงาน ควบคู่กับมาตรการ Dual Control ทำให้ผู้ผลิตในจีนบางส่วนจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตปิโตรเคมีลง อาจช่วยคลายความกังวลต่อเรื่องกำลังการผลิตที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ ส่วนแผนลงทุน 5 ปี มูลค่ารวม 41,350 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2565 มูลค่า 20,692 ล้านบาท

” ปี 2564 เป็นอีกปีแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืนของบริษัท นอกจากสามารถรักษาการเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ประจำปี 2564 (DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing ซึ่งเป็นดัชนีวัดความสำเร็จขององค์กรยั่งยืนที่น่าเชื่อถือระดับโลก สำหรับในประเทศก็ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน SET Awards ประจำปี 2564 และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในรายชื่อ”หุ้นยั่งยืน” 7 ปีซ้อน และยังเป็นองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ที่ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน 3 ปีซ้อน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันของไออาร์พีซีที่มีแนวทางที่จะขับเคลื่อนองค์กรแห่งความยั่งยืน โดยใช้หลัก Human centric ในทุกมิติ ไม่ใชแค่เพื่อการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการเงินเท่านั้น หากแต่สร้างคุณค่าร่วมต่อสังคมและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals)

อ่านข่าว

IRPC จ่ายเงินปันผลอีก 0.14 บาท/หุ้น ผลตอบแทน 3.59% XD 22 ก.พ.