HoonSmart.com>>บล.เอเอสแอลเซ็น MOU กับ Bank of China เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัวให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในจีนและทั่วโลก หนุนบริการครบวงจร ปีนี้บริษัทบุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รุกธุรกิจกองทุนรวม
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล (ASL) โดยนายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานกรรมการบริหาร และธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) หรือ Bank of China (Thai) หรือ BOCT โดยนายอู๋ หลิน รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ MOU) เมื่อ 28 ม.ค 2565 ที่ผ่านมา เพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ โดย ASL จะเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนของ BOCT ในประเทศไทย, การพัฒนาด้าน IT รวมทั้งการเปิดตลาดซื้อขายหุ้นประเทศจีนและหุ้นต่างประเทศทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ ASL โดยการสนับสนุนและประสานงานของ BOCT
นายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานกรรมการบริหาร บล. เอเอสแอล กล่าวว่า นับเป็นความก้าวหน้าอีกระดับหนึ่งของ ASL ที่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ BOCT เป็นบริษัทลูกของธนาคารแห่งประเทศจีน (ฮ่องกง) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่สำคัญในฮ่องกง และยังเป็นสาขาขนาดใหญ่ที่มีช่องทางการบริการธุรกิจทางการเงินเต็มรูปแบบ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2455 เปิดดำเนินกิจการมาแล้วเป็นเวลา 110 ปี เป็นธนาคารที่มีความเป็นสากลและการให้บริการที่ครอบคลุมสูงสุดของประเภทธุรกิจธนาคารในสาธารณรัฐประชาชนจีน
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย 1. ร่วมกันพัฒนาตลาดหุ้นจีน เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถไปลงทุนในตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก โดยการประสานงานของธนาคารแห่งประเทศจีน 2.ร่วมกันพัฒนาด้านระบบ IT เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีการบริการที่ดีกับทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศ และ 3. ASL จะเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศจีนในประเทศไทย โดยจะเป็นตัวกลางร่วมกันในการอำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ในการลงทุนในประเทศจีนหรือฮ่องกง และตลาดอื่นๆ อีกด้วย
“การลงนาม MOU ร่วมกันเมื่อ 28 ม.ค. 2565 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฉลองเนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 110 ปี ของ BOCT จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ ASL ได้เริ่มต้นการทำธุรกิจร่วมกันในวันสำคัญนี้ และจะช่วยให้การบริการทางการเงินครบวงจรมากขึ้น นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นได้ทั้งต่างประเทศและในประเทศ, ลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น หุ้นกู้ และ commercial paper, รวมทั้งการให้คำแนะนำปรึกษาวางแผนการลงทุน และการจัดพอร์ตลงทุนตามความต้องการ”
ในปีนี้ ASL มีความพร้อมในการให้บริการ “บริหารความมั่งคั่ง” หรือ Wealth Management เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยสามารถให้คำแนะนำและจัดพอร์ตการลงทุนให้กับนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) และขายผลิตภัณฑ์การลงทุนให้กับนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์การลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งโดยปกติแล้วค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก รวมทั้งตราสารหนี้จากตลาดต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย โดยนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มระบบออนไลน์และออฟไลน์ของบริษัท
สำหรับตราสารหนี้ต่างประเทศนั้นจะเน้นตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเกรด A ขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปกติแล้วจะมีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป
“กลุ่มลูกค้า Wealth จะเป็นลูกค้ารายใหญ่และสถาบัน โดยบริษัทจะโฟกัสไปที่กลุ่ม medium-high มากขึ้น จากปัจจุบันฐานลูกค้าเป็นกลุ่มนักลงทุนทั่วไปจนถึง medium-low และเน้นการเทรดผ่านระบบออนไลน์ ตอนนี้เรามีความพร้อมในทุกด้าน” นายชาญชัยกล่าว
อย่างไรก็ดีการขยายฐานธุรกิจเพื่อให้บริการครอบคลุมกลุ่มลูกค้าสถาบันและรายใหญ่นั้น ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดทำรีเสิร์ซและทีมเซลล์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งประเภทออนไลน์และออฟไลน์ โดยได้ยกระดับการจัดทำงานวิจัย ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาไทย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนสถาบันและลูกค้ารายใหญ่ สำหรับทีมวิจัยลูกค้าสถาบันนำโดย นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์ และจัดตั้งทีมเซลล์ที่มีประสบการณ์ นำทีมโดยนายกิตติพงษ์ สมิทธ์ศราการย์ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านค้าหลักทรัพย์สถาบัน
ทั้งนี้ ธุรกิจการให้คำปรึกษาในการลงทุน หรือ Wealth management เป็นบริการใหม่ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่, การเป็นช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์การลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเป็น ตัวแทนขายกองทุนต่างๆ เป็นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไป จะทำให้เราเป็นสถาบันการเงินออนไลน์ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากขึ้น
นายชาญชัยกล่าวว่า ปัจจุบัน ASL ได้เซ็นสัญญาการเป็นตัวแทนขายกองทุน หรือ Selling Agent กับบริษัทจัดการลงทุนจำนวน 9 บริษัท เบื้องต้นตั้งเป้าไว้ที่ 16 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะทยอยเซ็นสัญญาได้ครบภายในไตรมาส 1/2565 นี้
นอกจากนี้ยังได้เชื่อมระบบกับ Settrade Streaming Fund Plus ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเพื่อใช้ในการซื้อขายกองทุนรวม เช็คสถานะคำสั่งซื้อขาย ติดตามพอร์ตการลงทุน และดูข้อมูลของกองทุนรวมเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งถือเป็นช่องทางและเครื่องมือการเข้าถึงผลิตภัณฑ์กองทุนรวมอย่างมีประสิทธิภาพ
ASL ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อขายหุ้นเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มีบริการเพิ่มขึ้นโดยนักลงทุนไทยสามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศและนักลงทุนจากต่างประเทศก็สามารถลงทุนหุ้นไทยได้เช่นเดียวกัน การให้บริการซื้อขายกองทุนรวม การเป็นช่องทางจำหน่ายตราสารหนี้และหลักทรัพย์ต่างๆ รวมทั้งบริการให้คำปรึกษาการลงทุน หรือ Wealth management
ด้านธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ปัจจุบัน ASL มีการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ประมาณ 90% และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 1.2-1.5 พันล้านบาทต่อวัน
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการลงทุนในครึ่งแรกของปีนี้ นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าสถาบัน กล่าวว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงและน่าสนใจลงทุน ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า อาหาร และ พาณิชย์ ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และราคาตกลงไปมากในช่วงที่ผ่านมา มีโอกาสฟื้นหลังสถานการณ์คลี่คลาย เช่นธุรกิจในกลุ่มโรงแรมและสายการบิน
ปัจจุบัน ASL มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่เข้มแข็ง โดยมีธนาคารออมสินถือหุ้น 25% บริษัท เวนเจอร์ แคป 46% นายชาญชัย กุลถาวรากร 5% และกลุ่มเศรษฐีวรรณ ประมาณ 20%