เฟดทุบหุ้นโลก-คริปโต-บาทอ่อน โนมูระปรับคาดการณ์ขึ้นดบ.ปีนี้ 5 ครั้ง

HoonSmart.com>>โลกแห่งการลงทุนเจอพิษเฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย ลดงบดุล บล.โนมูระ พัฒนสิน ปรับคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยปี 65 เป็น 5 ครั้ง จากเดิม 4 ครั้ง เฉพาะเดือนมี.ค.มีโอกาสเพิ่มพรวด 0.50% เตือนดัชนีลงไปแถว 1,600 จุด เน้นหุ้นคุณค่า ด้านธนาคารกสิกรไทย คาดขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง เงินบาทอ่อนแถว 32-32.50 บาทสิ้นปี ส่วนราคาคริปโตฯ อ่อนแรงหลุด 36,000 ดอลลาร์  

ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกจากบวกเป็นลบ หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)วันที่ 26 ม.ค.มีมติคงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับลดวงเงินคิวอีจำนวน 3 หมื่นล้านเหรียญในเดือนก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้การทำคิวอีสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. และจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที สกัดเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น กระทบตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงกันถ้วนหน้า วันที่ 27 ม.ค.2565 นำโดยเกาหลีใต้ดิ่งหนัก-3.50% ญี่ปุ่นร่วง -3.11% ส่วนไทยลงไปต่ำสุด 1,617.87 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 1,634.17จุด ลดลง -9.27 จุด คิดเป็น -0.56% มูลค่าซื้อขาย 93,866.98 ล้านบาท

แรงขายมาจากสถาบันไทย -2,077.92 ล้านบาท พอร์ตบล. -1,140.96 ล้านบาท และต่างชาติพลิกกลับมาขาย -763.17 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อเจ้าเดียว 3,982.04 ล้านบาท

ด้านค่าเงินเอเชียอ่อนค่าทันทีหลังเฟดมีแนวโน้มส่งสัญญาณ Hawkish กว่าที่คาด

การซื้อขายคริปโตก็ได้รับผลกระทบจากการประชุมของเฟด ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงไปต่ำกว่า 36,000 ดอลลาร์ ก่อนฟืื้นตัวมายืนเหนือ 36,700 ดอลลาร์

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า มุมมองจากโนมูระฯล่าสุด ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้น 0.50% ในเดือน มี.ค. และปรับขึ้น 0.25% ในเดือน พค. มิ.ย. ก.ค. และ ธ.ค. รวมดอกเบี้ยขึ้น 1.50% สู่กรอบ 1.5%-1.75% (จากคาดเดิม 4 ครั้ง สู่ 1%-1.25%)

ส่วนในปี 2566 คาดเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในเดือนมิ.ย. และธ.ค. และคาดว่าจะประกาศลดงบดุลในเดือนพ.ค. และมีผลเดือนมิ.ย. (จากเดิมคาดประกาศก.ค. มีผลส.ค.) ขณะที่การประชุมล่าสุดไม่ได้มีการระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน แต่เฟดน่าจะต้องประชุมกันอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในการหารือประเด็นนี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน คาดตลาดจำกัดการฟื้นตัวสั้นๆ ไม่เกิน 1,660 จุด +/- และมีโอกาสค่อยๆ พักตัวสู่ 1,600-1,620 จุด กรณี Downside เศรษฐกิจเพิ่มเติมเข้ามา ในสถานการณ์ที่สภาพคล่องเสี่ยงลดลงเร็วกว่าคาด อาจทำให้ดัชนีถอยต่ำกว่านั้น

” คาดดัชนีเหวี่ยงในกรอบไตรมาส 1/2565 ที่ฐาน 1,680-1,550 จุด”บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ

กลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เน้นซื้อเมื่อลงลึก : หุ้นคุณค่ากลุ่มแบงก์ ได้แก่ KBANK, SCB, KKP กลุ่มไอซีที ได้แก่ ADVANC, TRUE, BLA กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ AP, SPALI กลุ่มวัฎจักร (Cyclical) คงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 60% เน้นตั้งรับ หุ้นเด่นปีนี้ ได้แก่ ADVANC, AMATA, GPSC, KBANK, KCE, MAKRO, SCB, TIDLOR

กรณี SET เข้ากรอบ 1,620-1,600 จุด เพิ่มน้ำหนักพอร์ตเป็น 65% การลงทุนระยะสั้น  น่าสนใจธีมเงินบาทอ่อนค่าหนุนกลุ่มส่งออก HANA, KCE, GFPT และกลุ่มที่แนวโน้มกำไรดี PLANB, BE8, SPALI, AP, BEC

ด้านธนาคารกสิกรไทย น.ส.กฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “Covid-19 ระลอกใหม่กับผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ไตรมาสที่ 1/2565” ว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนระลอกใหม่มีสถิติสูงสุดวันละกว่า 4 ล้านราย แต่กลับไม่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจเหมือนสายพันธุ์เดลตาก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีปริมาณการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมมากขึ้น และรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่เข้มงวด เช่น การล็อกดาวน์

ส่วนผลประชุมเฟดล่าสุด ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือน มี.ค.นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงที่ 7% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2% และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง

ธนาคารกสิกรไทยคาดเงินบาทในปีนี้จะอยู่ที่ 32.00 – 32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงไตรมาสแรกมีความผันผวนก่อนที่เฟดจะมีนโยบายการเงินชัดเจน โดยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวก ขณะที่ปีก่อนเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าสุดในภูมิภาค