SCC เป้ายอดขายปีนี้โต 10% งบลงทุน 8 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>”ปูนซิเมนต์ไทย”คาดปี 65 ยอดขายโต 10% จากราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามวัตถุดิบ ความต้องการโตตามเศรษฐกิจ ตั้งงบลงทุน 8 หมื่นล้านบาท ทุ่ม 40% โครงการปิโตรเคมีครบวงจร เวียดนาม เฟส 1 คาดเดินเครื่องผลิตไม่เกิน 6 เดือนแรกปีหน้า เล็งต่อเฟส 2 ปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับ 3 เมกะเทรนด์  จัดสรร IPO  “เอสซีจี เคมิคอลส์” ให้ผู้ถือหุ้น SCC 15% 

นาย รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปี 2565 คาดยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนมีรายได้การขายรวม 530,112 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการปรับราคาสินค้าขึ้นตามราคาวัตถุดิบ และพลังงาน ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด ขณะที่ความต้องการสินค้าก็จะสูงขึ้นตามเศรษฐกิจ

ส่วนความเสี่ยงของธุรกิจคือเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนต้องรับมือในการบริหารจัดการ เช่น การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ วัตถุดิบ และต้นทุนทางการเงินด้วย รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้ทันท่วงที ส่วนสถานการณ์โควิด มาถึงจุดที่ก้าวข้ามวิกฤตโควิดไปได้

นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า งบลงทุนในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 40% จะใช้ในโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP 1) ประเทศเวียดนาม ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าแล้วราว 90% คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิต (COD) ได้ในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะใช้ในส่วนของ Organic และ Inorganic Growth ต่างๆ  เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา แต่ยังไม่มีแผนการลงทุนตั้งโรงงานในอินเดีย เพียงแต่มีการส่งสินค้าไปจำหน่าย

“กลยุทธ์หลักในการสร้างอาเซียนแพลตฟอร์ม ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง  โลจิสติกส์ ในเวียดนาม อินโดนีเซีย  นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนโครงการ LSP เฟส 2 ซึ่งได้มีการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับไว้แล้ว เพื่อสนองความต้องการบริโภคปิโตรเคมีในเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น”

ที่ผ่านมา SCC ได้เร่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถรักษาการเติบโตในปี2564 เป็นที่น่าพอใจ โดยปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับ 3 เมกะเทรนด์ ได้แก่ ชู ESG ในการดำเนินธุรกิจ – ใช้ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า – พัฒนานวัตกรรมโซลูชันรับเทรนด์การรักษ์สุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิต  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า รวมถึงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่นการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลใช้บริหารการจัดจำหน่ายซึ่งมีเครือข่ายใหญ่ที่สุด อาทิ ‘Prompt Plus’ แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างสำหรับร้านค้ารายย่อยกว่า 9,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

ด้านคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ ออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในรูปแบบบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (โฮลดิ้ง) จำนวน 3,854,685,000  หุ้น พาร์หุ้นละ 10 บาท สัดส่วน  25.2% ของทุนชำระแล้วจัดสรรให้ผู้ถือหุ้น SCC 15%  โดยบริษัทยังคงถือหุ้นใหญ่  มีสถานะเป็นบริษัทย่อยสินทรัพย์รวมสิ้นปี 64 มากกว่า 3 แสนล้านบาท  โดยประมาณ 52% อยู่ในอาเซียน