HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลบ 1.92 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,678.10 จุด โบรกฯ มองจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบมากขึ้นหลังเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งโดยเฉพาะกลุ่มหุ้น Tech กังวลตแนวโน้มเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของสหรัฐฯที่จะตึงตัวขึ้นเร็ว โบรกฯยังคาดหวัง SET ได้แรงหนุนจากแรงซื้อต่างชาติ ในช่วงรอประเมินผลกระทบจากโอมิครอน คาดกระทบตลาดหุ้นจำกัด หลังไม่มีล็อกดาวน์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 14 ม.ค.2565 อ่อนตัวลง ณ เวลา 9.59 น. อยู่ที่ระดับ 1,678.10 จุด ลดลง 1.92 จุด หรือ -0.11% มูลค่าซื้อขาย 4,122.59 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,670-1,682 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบมากขึ้นหลังเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งโดยเฉพาะกลุ่มหุ้น Tech โดยยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของสหรัฐฯที่จะตึงตัวขึ้นเร็ว อย่างไรก็ตามเรามองผลกระทบต่อ SET Index จำกัดกว่าเนื่องจากสัดส่วนหุ้น Tech ที่ต่ำ ขณะที่ราคา Commodity ส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับตัวลงแรง ทำให้กลุ่ม Value Play คาดยังประคองตลาดได้
ส่วนสถานการณ์โอมิครอนในประเทศยังไม่เป็นปัจจัยกดดันแต่ยังต้องตามสถานการณ์ในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
กลยุทธ์ยังแนะนำ “ถือลงทุน” ต่อเนื่องส่วนที่สะสมระดับ 1,600 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนระยะสั้นยังแนะนำลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและกลุ่ม Value Play มี PER ไม่สูง รวมถึงหุ้นที่คาดประกาศกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง
ด้านบล.คิงฟอร์ด คาดดัชนี SET ได้แรงหนุนจากแรงซื้อต่างชาติ และรอประเมินผลกระทบจากโอมิครอน (Omicron) แต่คาดกระทบตลาดหุ้นจำกัด เนื่องจากจะไม่ใช้ มาตรการล็อกดาวน์ วางแนวรับดัชนีที่ 1,667–1,673 แนวต้าน 1,685–1,690 แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP, BCP, IRPC, GULF, GPSC, VGI, PLANB
ตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ (13 ม.ค.65) ปิด +1.52 จุด อยู่ที่ 1,680.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 82,469 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 1,144 ล้านบาท สถาบันซื้อ 240 ล้านบาท พอร์ตโบรกซื้อ 148 ล้านบาท NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 1,767 ล้านบาท มียอดซื้อสุทธิในหุ้น KBANK, SCB, SAWAD, BBL, ADVANC และมียอดขายสุทธิ GULF, GPSC, EA, PTTEP, CPF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 5,207 ล้านบาท หุ้นที่มีปริมาณ Short สูง คือ DELTA-R, BH-R, AWC-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 8,538 สัญญา
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ BANPU “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากข่าวอินโดนีเซียประกาศห้ามส่งออกถ่านหินเป็นการชั่วคราว สำหรับเดือน ม.ค.65 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.65 เนื่องจากกังวลว่าปริมาณถ่านหินที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศ ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นเพราะปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกถ่านหิน Thermal Coal รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีปริมาณการส่งออกประมาณ 400 ล้านตัน ลูกค้ารายใหญ่ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยคาดว่าผลประกอบการของ BANPU ในไตรมาส 4/64 ถึง ไตรมาส 1/65 จะยังแข็งแกร่งตามราคาถ่านหินและราคาก๊าซฯ ผลขาดทุนจาก Hedging ทยอยลดลง และมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น Sunseap
STEC “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.25 บาท คาดผลประกอบการฟื้นตัวในไตรมาส 4/64 หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ขณะที่สายพันธุ์ใหม่ประเมินความรุนแรงไม่มากนักและรัฐมีประสบการณ์ในการจัดการมากขึ้นทำให้โอกาสถึงขั้นปิดแคมป์เช่นในไตรมาส 3/64 เกิดขึ้นได้ยาก ขณะที่ช่วงปลายปี 64 ที่ผ่านมา STEC และ CK ได้ดีลโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 2 และ 3 (มูลค่า 4.63 หมื่นล้านบาท) โดยตลอดปี 2565 นี้ คาดบริษัทจะได้รับประโยชน์จากโครงการรัฐอื่น ๆ ที่คงค้างไว้จากช่วงสถานการณ์โควิดก่อนหน้า สำหรับ Blacklog ปัจจุบันมี 1 แสนล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในปี 2565 นี้ราว 1-1.5 หมื่นล้านบาท
5 อันดับหุ้นที่มีมู่ลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
GUNKUL ราคาอยู่ที่ 6.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ +0.84% มูลค่าซื้อขาย 303.11 ล้านบาท
SVOA ราคาอยู่ที่ 4.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ +1.32% มูลค่าซื้อขาย 167.68 ล้านบาท
PTT ราคาอยู่ที่ 39.00 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.64% มูลค่าซื้อขาย 140.42 ล้านบาท
ITEL ราคาอยู่ที่ 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +1.63% มูลค่าซื้อขาย 116.62 ล้านบาท
LH ราคาอยู่ที่ 8.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +2.29% มูลค่าซื้อขาย 105.75 ล้านบาท