OTO เข้าสู่ S Curve ใหม่ Digital Platform บล็อกเชนระดับโลก

HoonSmart.com>> ปี 2565 ถือว่า เป็นปีเสือทองของบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) หลังจากทรานฟอร์มธุรกิจเข้าสู่ Tech และ Digital Platform ระดับโลก เพื่อสร้าง S Curve ใหม่ ต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วในฐานะผู้นำตลาดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย

สำหรับบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ ถือว่าปี 2565 คือปีเสือทองของบริษัท กระโจนทะยานด้วยการส่งยานลูก “บริษัท อินโน ฮับ ” ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กับ บริษัท บล็อกเชน ไพรม์ โฮลดิ้ง ในช่วงปลายปี 2564 เพื่อเข้าร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 20% จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มุ่งสู่การเป็นบริษัทที่ปรึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์ม Blockchain Solutions และนวัตกรรมพลิกโลกชั้นนำของเมืองไทย

นำร่องในโครงการแรกด้วยโปรเจค Social Bureau ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรายงานและตรวจสอบประวัติอาชญากรรมบนบล็อกเชนแห่งแรกของโลก ภายใต้ความร่วมมือของบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของเมืองไทยมากมาย เช่น บริษัท อีนิกเซอร์ จำกัด บริษัท อีรูไดท์ บริการวิศวกรรม จำกัด และบริษัท อะควาริโอ จำกัด

เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 1/64 นี้ เพื่อออกมาสร้างสีสันให้กับตลาดบล็อกเชน โดยฝีมือของคนไทย

“การรุกคืบในครั้งนี้ของ OTO ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการเดินหน้าพัฒนาเข้าสู่ธุรกิจด้านบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่อย่างเต็มตัว สอดรับเมกะเทรนด์หรือเทรนด์ใหญ่ของโลกในด้านเทคโนโลยี ที่มีผลต่อการพัฒนาคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นของ OTO” คณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OTO ให้ความเห็นไว้ในช่วงก่อนหน้า

ขณะที่ พ.ต.อ.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บล็อกเชน ไพรม์ โฮลดิ้ง  ให้ความเห็นว่าแพลตฟอร์ม Social Bureau ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้ให้บริการด้านกระบวนการยุติธรรมแบบครบวงจร ด้วยการเป็นช่องทางให้ผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งข้อมูลอาชญากรรม โดยผู้แจ้งจะได้รับค่าตอบแทนเป็นคริปโตเคอเรนซี่ ในระบบนิเวศน์ของ Social Bureau ตอบแทน ซึ่งข้อมูลที่รายงานเข้ามาจะได้รับการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องและจัดลำดับความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยชุมชนผู้ใช้งานด้วยกระบวนการ Proof-of-Stake และข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้รับรายงานจากผู้ใช้งานทั่วโลกจะถูกเชื่อมโยงเข้าหากันด้วย AI ที่ชาญฉลาดเพื่อระบุตัวคนร้ายที่แท้จริง ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของคู่ค้าก่อนตัดสินใจทำธุรกรรมใดๆ ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การตั้งรางวัลนำสืบหาตัวผู้กระทำผิดหรือหาข้อมูลทางคดี การชดใช้มูลค่าความเสียหาย การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม การหาข้อยุติระหว่างคู่พิพาท และบริการอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งนี้ แพลตฟอร์มโซเชียลบูโรเป็นโครงการริเริ่มขึ้นในประเทศไทย และในปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.socialbureau.io

ปัจจุบันวิถีชีวิตและระบบเศรษฐกิจของประชาคมโลกรวมถึงสังคมไทย กำลังถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยการขับเคลื่อนของเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมาทดแทนเทคโนโลยีเก่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศไทยจำเป็นต้องตื่นตัวกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ทันการณ์ เพื่อให้เราสามารถชิงความได้เปรียบในส่วนแบ่งทางการตลาดโลกด้านการเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลบนพื้นฐานของนวัตกรรมพลิกโลก แทนที่จะเป็นผู้ใช้บริการฝ่ายเดียว

ขณะที่มุมมองของโบรกเกอร์ ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ OTO ในปี 2565 มีโอกาสที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากงานใหม่ที่เพิ่งได้รับจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ผูกสัญญายาว 3 ปี (2565-2567) โดยจะเริ่มเปิดฉากรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

ยังไม่นับรวมส่วนแบ่งกำไรที่เกิดขึ้นจากการเข้าไปลงทุนในบริษัท ฮินซิซึ จำกัด (มหาชน) (HST) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SIMAT) ที่ OTO เข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 10% และ SIMAT เองมีแผนนำ HST เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2565

ยังไม่นับโปรเจคใหม่ที่เพิ่งจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ในตลาดอย่าง บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) (IP) ซึ่งประกอบกิจการด้านการพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อลงทุนร่วมกันในการประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านเภสัชกรออนไลน์ (ธุรกิจ Telepharmacy) โดยอินโน ฮับ จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทร่วมทุน คาดเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/64

การร่วมทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อดำเนินธุรกิจ Telepharmacy ซึ่งเป็นธุรกิจที่นำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้บริโภคและเภสัชกร สามารถพูดคุยกันได้แบบทันท่วงที (Real-time) เพื่อลดข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่ ทำให้ได้รับความสะดวกสบาย และประหยัดเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับบริการเหมือนกับการมารับบริการที่ร้านขายยา

การมุ่งสู่ Tech Company ของ OTO ในครั้งนี้ ถือเป็นการก้าวย่างสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด! พร้อมคำรามลั่นขึ้นแท่น Digital Platform บนบล็อกเชนระดับโลก ที่มีระบบนิเวศเป็นของตัวเองรองรับ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตายิ่งในเวลานี้… ในโลก Metaverse ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตจริงยากจะหลีกเลี่ยง